เส้นเลือดในสมองตีบคืออะไร ทำความรู้จักกับโรคเส้นเลือดในสมองตีบผ่านบทความนี้ อาการ แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด หรือหน้าเบี้ยว? อาการเหล่านี้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจนำไปสู่อัมพฤกษ์อัมพาตถาวร อย่ารอให้สายเกินไป ร่วมกันทำความเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ สังเกตเส้นเลือดในสมองตีบ อาการเริ่มแรก เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพของตนเองและคนที่คุณรักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมถึงเป็น “หลอดเลือดสมองตีบ”
หลอดเลือดสมองตีบ (หรือเส้นเลือดสมองตีบ) เกิดจากการที่หลอดเลือดในสมองตีบ ทำให้สมองขาดเลือด ส่งผลให้สมองเสียหาย ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทตามมา
เส้นเลือดในสมองตีบ สาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง?
โรคหลอดเลือดสมองตีบสามารถแบ่งออกเป็น 5 สาเหตุหลัก ดังนี้
- หลอดเลือดแดงใหญ่ในสมองตีบ
– โดยส่วนใหญ่เกิดจากตะกรันไขมันพอกอยู่ตามหลอดเลือด
– มักสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคไขมันในหลอดเลือดสูง และคนที่สูบบุหรี่หนัก - หลอดเลือดฝอยในสมองตีบ
– เกิดจากการที่หลอดเลือดฝอยเสื่อมสภาพ
– มักสัมพันธ์กับภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นมายาวนาน - ลิ่มเลือดจากหัวใจลอยมาอุดหลอดเลือดในสมอง
– เกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) ทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจ ซึ่ง สามารถหลุดลอยมาอุดหลอดเลือดในสมองได้ เนื่องจากหลอดเลือดสมองเชื่อมต่อกับหลอด เลือดแดงใหญ่จากหัวใจโดยตรง - สาเหตุอื่นๆ
– หลอดเลือดอักเสบจากภูมิคุ้มกันหรือติดเชื้อ, น้ำเลือดข้นจากเกล็ดเลือดที่สูงเกินไป อย่างไรก็ตาม สาเหตุอื่นๆนี้ไม่ใช่สาเหตุที่พบได้บ่อย
เส้นเลือดในสมอง “ตีบตัน” vs “แตก” ต่างกันอย่างไร?
ตีบ คือ ขาดเลือด แตก คือ มีเลือดออก แม้ว่าโรคหลอดเลือดสมองตีบกับโรคหลอดเลือดสมองแตก เรียกรวมเป็นโรคหลอดเลือดสมองเหมือนกัน แต่ต้องใช้การวินิจฉัยของแพทย์ เช่น การเอกซ์เรย์สมอง CT SCAN หรือ MRI ถึงสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเป็นตีบหรือแตก
สาเหตุของ “ตีบ” กับ “แตก” อาจมีความต่างกันเล็กน้อย ดังนี้
- หลอดเลือดสมองตีบ
- เกิดจากการอุดตันของหลอดเลือด (หรือเส้นเลือดในสมองอุดตัน) ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอและทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ เฉียบพลัน
- สาเหตุหลัก ได้แก่ ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด, ลิ่มเลือดอุดตัน, และความดันโลหิตสูง
- หลอดเลือดสมองแตก
- เกิดจากการฉีกขาดของหลอดเลือด ทำให้เลือดออกในสมอง เส้นเลือดในสมองแตก ไม่รู้สึกตัวหมดสติ
- สาเหตุหลัก ได้แก่ ความดันโลหิตสูง, หลอดเลือดสมองโป่งพอง, และความผิดปกติของหลอดเลือดแต่กำเนิด
อาการแสดง อาการของทั้งสองประเภทอาจคล้ายคลึงกัน ได้แก่ BE-FAST ดังนั้นการวินิจฉัยแยกโรคต้องใช้การตรวจเอกซเรย์สมอง (CT SCAN หรือ MRI)
สังเกตให้ดี! หลอดเลือดในสมองตีบ อาการเริ่มแรกที่พบบ่อย
โรคเส้นเลือดตีบเป็นโรคที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและในบางรายอาการรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก การรู้จักสังเกตอาการของโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการรักษาที่รวดเร็วจะช่วยลดความเสียหายของสมองได้
ใช้หลัก ตัวย่อ BE-FAST ในการสังเกตอาการ
- B (Balance) → สูญเสียการทรงตัว เวียนศีรษะ เดินเซ
- E (Eyes) → เห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นกะทันหัน ลานสายตาหายไปครึ่งแถบ
- F (Face) → ใบหน้าชาครึ่งซีก หรือปากเบี้ยวข้างเดียว
- A (Arms) → แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง ยกไม่ขึ้น
- S (Speech) → พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ หรือฟังไม่เข้าใจ
- T (Time) → รีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน!
ความสำคัญคือโรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่เกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีการบอกล่วงหน้า เมื่อมีอาการจึง ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที ภายใน 4.5 ชั่วโมง และได้รับยาละลายลิ่มเลือด การรักษาที่รวดเร็วจะเพิ่มลดความเสียหายของสมองลงได้ ลดโอกาสการเป็นอัมพฤกษ์/อัมพาตถาวรลงได้
การวินิจฉัยโรค
เนื่องจากอาการของเส้นเลือดในสมองตีบนั้นมีความคล้ายคลึงกับอาการเส้นเลือดในสมองแตก เพราะฉะนั้นการวินิจฉัยโรคจะต้องให้แพทย์ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ใช้อาการทางคลินิกและการตรวจร่างกายโดยแพทย์ ซึ่งโรคหลอดเลือดสมอง สามารถวินิจฉัยโดยแพทย์เวช ปฏิบัติทั่วไปได้ และในหลายๆโรงพยาบาลก็มีอายุรแพทย์ระบบประสาทที่ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง เช่นกัน
- อาการทางคลินิกมีความสำคัญจึงต้องใช้การซักประวัติ ตรวจรักษาโดยแพทย์ เนื่องจากมีบางภาวะที่อาจมีอาการคล้ายหลอดเลือดสมองได้ เช่น น้ำตาลในเลือดต่ำ, ลมชัก
- การยืนยันการวินิจฉัย ต้องใช้ภาพทางรังสีคือ CT SCAN หรือ MRI
- MRI ให้ความแม่นยำได้มากกว่า แต่ข้อเสียคือใช้เวลานานกว่า CT SCAN
- CT SCAN รวดเร็วกว่า สามารถแยกภาวะหลอดเลือดสมองแตกได้ดี
- ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ แต่ไปถึงโรงพยาบาลเร็วมาก CT SCAN อาจปกติได้ บ่งบอกว่าสองยังไม่เสียหาย มาก เลยไม่พบความผิดปกติใน CT SCAN
อย่างไรก็ตามการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเป็นการรักษาที่แข่งกับเวลา หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวที่สงสัยโรคอัมพฤกษ์หรืออัมพาต จำเป็นต้องรีบมาตรวจ เพื่อพบแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากทำให้ผู้ป่วยลดอาการอัมพฤกษ์อัมพาตอย่างถาวร และลดโอกาสการเสียชีวิตได้ สามารถทำให้คนเป็นเส้นเลือดในสมองตีบกลับมามีอาการเหมือนปกติได้
ป้องกันกลุ่มคนเสี่ยงหลอดเลือดตีบในสมองวิธีง่าย ๆ ที่คุณทำได้
โรคเส้นเลือดสมองตีบเป็นโรคที่อันตรายและอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตได้อย่างมาก การรู้จักปัจจัยเสี่ยงและกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสม
ความเสี่ยงที่ปรับแก้ไขได้
- โรคประจำตัว
- โรคเบาหวาน ควรดูแลระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
- ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคเส้นเลือดในสมอง การตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำและทานยาตามที่แพทย์สั่งเป็นสิ่งสำคัญ
- ไขมันในเลือดสูง ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว และเพิ่มการบริโภคอาหารที่มีใยอาหารสูง
- โรคหัวใจ เลิกบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่ทำลายหลอดเลือดและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
- การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอย่างมาก
- การใช้สารเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนหนุ่มสาว การใช้สารเสพติด เช่น ยาบ้า ยาอี และสุรา สามารถทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
- การไม่ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยให้หัวใจแข็งแรงและหลอดเลือดแข็งแรง
- น้ำหนักเกิน โรคอ้วน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ รวมถึงโรคเส้นเลือดในสมอง
ความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ปรับแก้ไม่ได้
- อายุ
- โรคทางพันธุกรรมบางอย่าง
เส้นเลือดในสมองตีบ รักษาหายไหม ต้องทำอย่างไรบ้าง
- การสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอย่างมาก
- การใช้สารเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนหนุ่มสาว การใช้สารเสพติด เช่น ยาบ้า ยาอี และสุรา สามารถทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
- การไม่ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยให้หัวใจแข็งแรงและหลอดเลือดแข็งแรง
- น้ำหนักเกิน โรคอ้วน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ รวมถึงโรคเส้นเลือดในสมอง
ความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ปรับแก้ไม่ได้
- อายุ
- โรคทางพันธุกรรมบางอย่าง
เส้นเลือดในสมองตีบ รักษาหายไหม ต้องทำอย่างไรบ้าง
หากถามว่าเส้นเลือดในสมองตีบ หายได้ไหมนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้
- ความรุนแรงของอาการ ขนาดและตำแหน่งของสมองที่ได้รับความเสียหายจากภาวะขาดเลือด ความสำคัญของบริเวณสมองที่ได้รับผลกระทบ
- ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาล การได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว การได้รับยาละลายลิ่มเลือดหรือการดึงลิ่มเลือดออก
- การควบคุมโรคประจำตัว ความสามารถในการควบคุมโรคประจำตัวของผู้ป่วยหลังการรักษา
- อายุของผู้ป่วย อายุของผู้ป่วย ณ เวลาที่เกิดโรค
- การทำกายภาพบำบัด การได้รับการทำกายภาพบำบัดหลังการรักษา
สมมติผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบที่มีอาการน้อย มาถึงโรงพยาบาลเร็ว ได้รับการรักษาที่เหมาะสม และควบคุมปัจจัยเสี่ยงได้ดี มีโอกาสหายเป็นปกติสูง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง สมองเสียหายมาก หรือมีโรคประจำตัวหลายโรค มีโอกาสหายเป็นปกติน้อยกว่า การรักษาให้หายหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการดังที่กล่าวมาข้างต้น
สำคัญคือ ควรต้องไปโรงพยาบาลทันที หากสงสัย ไม่ควรรีรอสังเกตอาการ เพราะนั่นอาจทำให้พลาดโอกาสในการรักษา ความรวดเร็วในการรักษา
สรุปได้ว่าเส้นเลือดในสมองตีบสามารถรักษาหายได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยร่วมดังที่กล่าวข้างต้นด้วย ยกตัวอย่างหาก บริเวณสมองที่เสียหายไม่ใช่ตำแหน่งที่สำคัญ มาถึงโรงพยาบาลเร็วตามเวลาที่กำหนด ได้ยาละลายลิ่มเลือด คนไข้ก็มีโอกาสหายเป็นปกติ ในขณะที่ก็มีคนไข้บางส่วน เช่น สมองเสียหายเยอะบริเวณก้านสมอง มีโรคร่วมเช่น เบา หวาน ความดัน และกว่าจะถึงมือแพทย์ก็เลยไปเป็นเวลา 2-3 วัน โอกาสที่จะรักษาหายก็น้อยเช่นกัน
ดูแลผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ รักษาที่ไหนดี
WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกายภาพบำบัด สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อศูนย์ WALK WELL
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเส้นเลือดในสมองตีบ
เส้นเลือดในสมองตีบคืออะไร
เส้นเลือดในสมองตีบ คือหลอดเลือดในสมองตีบ ทำให้สมองขาดเลือด สมองเสียหาย ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาท
เส้นเลือดในสมองตีบ คือหลอดเลือดในสมองตีบ ทำให้สมองขาดเลือด สมองเสียหาย ทำให้เกิดอาการทางระบบประสาท
โรคเส้นเลือดในสมองตีบ รักษาหายไหม
หากผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบที่มีอาการน้อย มาถึงโรงพยาบาลเร็ว ได้รับการรักษาที่เหมาะสม และควบคุมปัจจัยเสี่ยงได้ดี มีโอกาสหายเป็นปกติสูง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง สมองเสียหายมาก หรือมีโรคประจำตัวหลายโรค มีโอกาสหายเป็นปกติน้อยกว่า ดังนั้นถ้าถามว่ารักษาได้ไหม ต้องตอบว่าสามารถรักษาหายถึงขั้นเป็นปกติได้ แต่ขึ้นอยู่กับกรณีของแต่ละบุคคล เพราะอาศัยหลายปัจจัย
หากผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบที่มีอาการน้อย มาถึงโรงพยาบาลเร็ว ได้รับการรักษาที่เหมาะสม และควบคุมปัจจัยเสี่ยงได้ดี มีโอกาสหายเป็นปกติสูง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง สมองเสียหายมาก หรือมีโรคประจำตัวหลายโรค มีโอกาสหายเป็นปกติน้อยกว่า ดังนั้นถ้าถามว่ารักษาได้ไหม ต้องตอบว่าสามารถรักษาหายถึงขั้นเป็นปกติได้ แต่ขึ้นอยู่กับกรณีของแต่ละบุคคล เพราะอาศัยหลายปัจจัย
โรคเส้นเลือดในสมองตีบมีสัญญาณเตือนล่วงหน้าหรือไม่
โดยทั่วไป ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า อาการจะเกิดขึ้นทันที แต่บางรายอาจมีภาวะ สมองขาดเลือดชั่วคราว (TIA) ทำให้มีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด มองไม่เห็น แต่หายได้เองภายในไม่กี่นาทีถึงชั่วโมง ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเส้นเลือดในสมองตีบจริงในอนาคต
โดยทั่วไป ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า อาการจะเกิดขึ้นทันที แต่บางรายอาจมีภาวะ สมองขาดเลือดชั่วคราว (TIA) ทำให้มีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด มองไม่เห็น แต่หายได้เองภายในไม่กี่นาทีถึงชั่วโมง ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเส้นเลือดในสมองตีบจริงในอนาคต
ถ้ามีอาการสงสัยเส้นเลือดในสมองตีบ ควรทำอย่างไร
รีบนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาลที่มีระบบ Stroke Fast Track ภายใน 4.5 ชั่วโมง ห้ามรอดูอาการเอง เพราะทุกนาทีที่ช้า สมองจะเสียหายเพิ่มขึ้น
รีบนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาลที่มีระบบ Stroke Fast Track ภายใน 4.5 ชั่วโมง ห้ามรอดูอาการเอง เพราะทุกนาทีที่ช้า สมองจะเสียหายเพิ่มขึ้น
ถ้าไม่ได้รักษาโรคเส้นเลือดในสมองตีบเร็วจะเกิดอะไรขึ้น
สมองเสียหายถาวร เกิดอัมพฤกษ์-อัมพาต สูญเสียการพูด ความจำ หรือเสียชีวิตได้ ดังนั้น “เวลา” คือหัวใจหลักของการรักษา
สมองเสียหายถาวร เกิดอัมพฤกษ์-อัมพาต สูญเสียการพูด ความจำ หรือเสียชีวิตได้ ดังนั้น “เวลา” คือหัวใจหลักของการรักษา