ADD ANYTHING HERE OR JUST REMOVE IT…

ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุโรคทำลายสมองที่คุณควรรู้

ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุโรคทำลายสมองที่คุณควรรู้
Table of Contents

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุโรคทำลายสมองที่คุณควรรู้ ผ่านการอธิบายถึงโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุ อาการ การป้องกัน ข้อมูลทั้งหมดเรานำเสนอ เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่คุณรักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

รู้จักภัยเงียบที่คุกคามชีวิต โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร? 

Stroke หรือ โรคหลอดเลือดสมอง คือ โรคที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยมีสาเหตุมาจากการที่เส้นเลือดในสมองอุดตัน เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจนและเสียหาย ไม่สามารถสั่งการได้ตามปกติ เกิดอาการทางระบบประสาทตามตำแหน่งของสมองที่ เสียหาย เช่น อ่อนแรงครึ่งซีก หน้าเบี้ยว พูดไม่ชัด ไม่เข้าใจภาษา มองไม่เห็น เวียนศีรษะ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่าง ทันท่วงทีอาจทำให้สมองได้รับความเสียหายถาวร นำมาซึ่งภาวะทุพพลภาพ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง มีอะไรบ้าง?

สาเหตุเส้นเลือดในสมองตีบ 

  1. หลอดเลือดแดงใหญ่ในสมองตีบ โดยส่วนใหญ่เกิดจากตะกรันไขมันพอกอยู่ตามหลอดเลือด มักสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคไขมันในหลอดเลือดสูง และคนที่สูบบุหรี่หนัก
  2. หลอดเลือดฝอยในสมองตีบ เกิดจากการที่หลอดเลือดฝอยเสื่อมสภาพ มักสัมพันธ์กับภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นมายาวนาน
  3. ลิ่มเลือดจากหัวใจลอยมาอุดหลอดเลือดในสมอง เกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) ทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจ ซึ่ง สามารถหลุดลอยมาอุดหลอดเลือดในสมองได้ เนื่องจากหลอดเลือดสมองเชื่อมต่อกับหลอด เลือดแดงใหญ่จากหัวใจโดยตรง
  4. สาเหตุอื่น ๆ หลอดเลือดอักเสบจากภูมิคุ้มกันหรือติดเชื้อ, น้ำเลือดข้นจากเกล็ดเลือดที่สูงเกินไป อย่างไรก็ตาม สาเหตุอื่นๆนี้ไม่ใช่สาเหตุที่พบได้บ่อย

สาเหตุของหลอดเลือดสมองแตก

  1. หลอดเลือดสมองโป่งพอง เกิดจากภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นมายาวนาน ไม่ได้รับการรักษา ซึ่งสาเหตุนี้คือสาเหตุหลัก ในบางรายอาจเกิดจากโรคอื่นๆที่ทำให้ความยืดหยุ่นผนังหลอดเลือดผิดปกติเช่น Marfan Syndrome อย่างไรก็ตามภาวะนี้พบไม่บ่อย
  2. ความผิดปกติของหลอดเลือดแต่กำเนิด เกิดการเชื่อมต่อผิดปกติระหว่างหลอดเลือดแดง (Artery) และ หลอดเลือดดำ (Vein) ที่เรียกว่า Arteriovenous Malformation (AVM)

ระเบิดเวลาในสมอง! ปัจจัยเสี่ยงที่คุณควรรู้โรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุมาจากปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองที่สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ดังนี้

ปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้

  • อายุ คนไข้ที่มีอายุมากนั้นจะมีความเสี่ยงต่อโรคมากกว่าคนที่อายุน้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
  • พันธุกรรม

ปัจจัยที่ควบคุมได้

  • ความดันโลหิตสูง 
  • ไขมันในเลือดสูง
  • บุหรี่ ควรงดการสูบบุหรี่
  • เบาหวาน 
  • สารเสพติด เป็นอีกสาเหตุสำคัญของการเป็นโรคหลอดเลือดสมองตั้งแต่อายุยังน้อย

อายุมากเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองจริงหรือ

อายุ อายุที่มากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง แม้ว่าจะไม่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุ 80 ปี มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่มีอายุ 30 ปี

พันธุกรรม ประวัติครอบครัวที่มีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง อาจเพิ่มความเสี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางพันธุกรรมเป็นเพียงส่วนน้อยของสาเหตุการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เนื่องจากเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จึงควรเน้นไปควบคุมปัจจัยที่ควบคุมได้

โรคหลอดเลือดสมอง สัญญาณเตือนที่คุณต้องรู้

โรคหลอดเลือดสมองเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษา เพราะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ความพิการหรือเสียชีวิตได้ อาการของโรคหลอดเลือดสมองมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง

อาการเส้นเลือดในสมองตีบและอาการเส้นเลือดในสมองแตก เบื้องต้น

การสำรวจตัวเองว่าเป็นหรือไม่ จำ BE-FAST ไว้ให้ขึ้นใจ!

  • B (Balance) → สูญเสียการทรงตัว เวียนศีรษะ เดินเซ
  • E (Eyes) → เห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นกะทันหัน ลานสายตาหายไปครึ่งแถบ
  • F (Face) → ใบหน้าชาครึ่งซีก หรือปากเบี้ยวข้างเดียว
  • A (Arms) → แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง ยกไม่ขึ้น
  • S (Speech) → พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ หรือฟังไม่เข้าใจ
  • T (Time) → รีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน!

อาการเหล่านี้ ห้ามมองข้าม! รีบพบแพทย์ทันที

หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการดังกล่าวข้างต้น แม้เพียงอาการเดียว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที หรือโทรเรียกรถพยาบาล เพราะการรักษาที่รวดเร็วจะช่วยลดความเสียหายของสมองและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว

การวินิจฉัยโรค กุญแจสำคัญสู่การรักษาที่ถูกต้อง

เนื่องจาก อาการของหลอดเลือดในสมองตีบนั้นมีความคล้ายคลึงกับอาการหลอดเลือดในสมองแตก เพราะฉะนั้นการวินิจฉัยโรคจะต้องให้แพทย์

  • การยืนยันการวินิจฉัย เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างโรคหลอดเลือดในสมองแตกหรือตีบ ต้องใช้ภาพทางรังสีคือ CT-Scan หรือ MRI
    • MRI ให้ความแม่นยำได้มากกว่า แต่ข้อเสียคือใช้เวลานานกว่า CT-Scan เวลาประมาณ 20-30 นาที
    • CT-Scan รวดเร็วกว่า ใช้เวลาประมาณ 5 นาที สามารถแยกภาวะหลอดเลือดสมองว่าแตกหรือตีบได้ดี
    • ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ แต่ไปถึงโรงพยาบาลเร็วมาก CT-Scan อาจปกติได้ บ่งบอกว่าสองยังไม่เสียหาย มาก เลยไม่พบความผิดปกติใน CT-Scan

ทั้งนี้การรักษาในเบื้องต้นของทั้งโรคหลอดเลือดตีบและแตกนั้นแตกต่างกัน ในกรณี ถ้าคนไข้ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบการที่ผู้ป่วยมาเร็วและสามารถรักษาได้ภายใน 4.5 ชั่วโมง จะสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือด เพื่อเอาลิ่มเลือดที่อุดตันในสมองให้สลายไปได้ สําหรับคนไข้บางคนถ้ามาทันภายใน 24 ชั่วโมง และมีข้อบ่งชี แพทย์อาจพิจารณาดึงลากลิ่มเลือดได้พวกนี้ล้วนแล้วแต่เพิ่มโอกาสในการรักษาหายทั้งสิ้น 


ในระยะที่พ้นจากระยะวิกฤตไปแล้วในระยะการดูแลต่อเนื่อง จะคล้ายคลึงกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคนไข้โรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือเส้นเลือดแตกเป็นความดันโลหิตสูง  ต้องคุมความดัน ถ้าเป็นไขมันในเลือดสูงทั้งคู่ต้องคุมไขมันไม่ให้มีไขมันสูง ถ้าสูบบุหรี่อยู่ก็ควรจะหยุดการสูบบุหรี่ เป็นต้น 

สรุปได้ว่าในการวินิจฉัยในระยะฉับพลันทันทีทั้งตีบกับแตก มีความแตกต่างกัน จำเป็นที่ต้อง  CT-Scan หรือ MRI เพื่อแยกความแตกต่างและรักษาแยกตามลักษณะของการเป็นตีบหรือแตก

ข้อควรระวังหลังจากเป็นโรคหลอดเลือดสมอง สู่การฟื้นฟูและชีวิตใหม่

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมีหลายประการ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย โดยภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยมีดังนี้

1. การติดเชื้อ

  • ปอดอักเสบจากการสำลัก ผู้ป่วยที่นอนติดเตียงมีความเสี่ยงสูงต่อการสำลักอาหารหรือน้ำลายลงปอด ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือควบคุมการปัสสาวะได้เอง มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
  • แผลกดทับ หากผู้ป่วยนอนในท่าเดิมเป็นเวลานาน อาจเกิดแผลกดทับ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้

2. ภาวะเกร็ง เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากความเสียหายของระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง

3. โรคชัก ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการชัก เนื่องจากความเสียหายของสมอง

4. ภาวะเลือดออกง่าย ผู้ป่วยที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกง่ายกว่าคนทั่วไป ดังนั้น ควรระมัดระวังกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือพลัดตกหกล้มอ่อนแรง

การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง วิธีดูแลสุขภาพเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

แนวทางการรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง มุ่งเน้นไปที่การควบคุมปัจจัยเสี่ยงและการฟื้นฟูร่างกาย เพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

การควบคุมปัจจัยเสี่ยง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคซ้ำสูงกว่าคนทั่วไป ดังนั้น การควบคุมปัจจัยเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ปัจจัยเสี่ยงที่ควรควบคุม ได้แก่

  • ความดันโลหิตสูง รับประทานยาตามแพทย์สั่ง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ลดการบริโภคโซเดียม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • โรคเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยรับประทานยา ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย
  • ไขมันในเลือดสูง ควบคุมระดับไขมันในเลือด โดยรับประทานยา ควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย
  • การสูบบุหรี่ เลิกสูบบุหรี่
  • โรคหัวใจ รักษาโรคหัวใจตามคำแนะนำของแพทย์
  • น้ำหนักเกิน ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
  • การดื่มแอลกอฮอล์ ลดหรืองดดื่มแอลกอฮอล์

แม้ว่าจะควบคุมปัจจัยเสี่ยงได้ดีแล้ว แต่ความเสี่ยงในการเกิดโรคซ้ำก็ยังสูงกว่าคนทั่วไป ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

การป้องกันไม่ให้เกิดการกลับเป็นซ้ำ

การรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมักได้รับยาหลายชนิด เพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และไม่ควรหยุดยาหรือปรับขนาดยาเอง

โรคหลอดเลือดสมองรักษาหายได้ไหม?

สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย 

  • สมองบริเวณที่เสียหายมากน้อยเพียงใด หรือเสียหายในจุดสำคัญหรือไม่
  • หลังจากที่รักษาแล้วสามารถควบคุมโรคประจำตัวของตัวเองได้ดีแค่ไหน
  • อายุของคนไข้ 
  • ได้ทำการกายภาพหลังจากที่รักษาแล้วหรือไม่

ดังนั้นใครที่สมองเสียหายน้อยการฟื้นตัวจะทำได้เร็วกว่า กลับมาเดินได้ไวกว่า อาจจะแค่ภายใน 1 เดือน แต่ใครที่สมองเสียหายมาก การฟื้นตัวจะทำได้ช้าหรือทำไม่ค่อยได้ ภายใน 1 เดือน อาจทำได้เพียงฝึกนั่งบนเตียง ฝึกทรงตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโรคประจำตัวร่วมด้วย ในบางคนที่ไม่มีโรคประจำตัว แต่อยู่ดี ๆ พบว่าตนเองเป็น Stroke การฟื้นตัวก็จะทำได้เร็วกว่าคนที่มีปัญหาเบาหวาน ความดัน หรือการไหลเวียนเลือดอื่น ๆ ร่วมด้วย และในคนที่อายุมาก การฟื้นตัวจะยิ่งต้องใช้เวลานานขึ้น

วิธีการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง

การดูแลรักษาในระยะเร่งด่วน

ระบบที่ใช้ดูแลผู้ป่วยในระยะเร่งด่วนเรียกว่า Stroke Fast Track ส่วนใหญ่หลายสถานพยาบาลจะกำหนดไว้ที่ 4.5 ชั่วโมงแต่บางสถานพยาบาลอาจกำหนดระยะเวลาต่าง จากนี้ขึ้นกับขีดความสามารถ และความพร้อมของแต่ละที่

หลอดเลือดสมองตีบ

  • การเปิดหลอดเลือด เพื่อให้เลือดกลับไปเลี้ยงส่วนของสมองที่ยังไม่เสียหายนั้นสำคัญที่สุด
  • ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการ
  1. ให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ (rt-PA) ในรายที่มีอาการน้อยกว่า 4.5 ชั่วโมง และ ไม่มีข้อห้ามในการให้ยา
  2. ใช้สายสวนดึงลากลิ่มเลือด (Thrombectomy) ในรายที่มีลิ่มเลือดชิ้นใหญ่ในหลอดเลือด สมอง มีอาการ ไม่เกิน 24 ชั่วโมง และไม่มีข้อห้าม

ดังนั้นการที่พาผู้ป่วยไปให้ถึงโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดจึงสำคัญ ไม่ควรรอสังเกตอาการ

หลอดเลือดสมองแตก

  • ไม่มีการใช้ยาละลายลิ่มเลือดในผู้ป่วย หลอดเลือดสมองแตกเนื่องจากจะทำให้เลือดออกมากขึ้น อาการผู้ป่วยแย่ลง
  • ในบางรายที่เลือดออกมาก ศัลยแพทย์ระบบประสาท อาจพิจารณาใช้การผ่าตัดรักษา

การดูแลรักษาต่อเนื่องและการกายภาพฟื้นฟู

  • ให้การรักษาในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือ คุมระดับความดัน ออกซิเจน และน้ำตาลในเลือด
  • รักษาโรคร่วมที่ตรวจพบ เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวานรับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง ฝึกกายภาพเบื้องต้นและวางแผนการกายภาพในระยะยาว Golden Period

หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเผชิญกับความท้าทายจากโรคหลอดเลือดสมอง WALK WELL พร้อมให้การดูแลและฟื้นฟูอย่างครบวงจร

WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกายภาพบำบัด สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อศูนย์  WALK WELL

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุ

ทำไมความดันโลหิตสูงจึงเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง

เพราะความดันสูงทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมและเปราะบางง่าย เกิดการแตกหรือฉีกขาดได้ง่าย อีกทั้งยังส่งผลให้หลอดเลือดตีบตันเร็วกว่าคนทั่วไป

โรคเบาหวานเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองอย่างไร

โรคเบาหวานทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมและไขมันเกาะผนังหลอดเลือดง่ายขึ้น ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปสมองได้ไม่ดี และมีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันสูงกว่าคนปกติหลายเท่า

ไขมันในเลือดสูงเกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือดสมองอย่างไร

ไขมันเลว (LDL) ที่สูงจะเกาะตามผนังหลอดเลือดจนเกิดคราบไขมันหนาตัว ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง เลือดไหลไม่สะดวก และเสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง

การนอนหลับมีผลต่อโรคหลอดเลือดสมองหรือไม่

ผู้ที่นอนน้อยเกินไป (ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง) หรือนอนมากเกินไป (เกิน 9 ชั่วโมง) มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าคนที่นอนปกติ 7–8 ชั่วโมงต่อคืน

อายุเท่าไรเริ่มต้องระวังโรคหลอดเลือดสมอง

แม้จะพบมากในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันคนอายุน้อยลงก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มาก ใช้สารเสพติด และไม่ออกกำลังกาย

บทความนี้ถูกตรวจทานโดย
หมอขวัญ นพ.ขวัญ ศรีศิลป
ว.51094
MD., Physical Medicine & Rehabilitation (PM&R / Physiatrist)