ADD ANYTHING HERE OR JUST REMOVE IT…

การพยาบาลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟู เข้าใจง่าย ทำตามได้จริง

Table of Contents

“Stroke” หรือ “โรคหลอดเลือดสมอง” ภาวะวิกฤตที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเมื่อผ่านพ้นช่วงเฉียบพลันแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การพยาบาลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟู ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการพยาบาลในระยะนี้ รวมถึงแนวทางการดูแลที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับญาติ ผู้ดูแล และผู้ที่สนใจ

การพยาบาลผู้ป่วย Stroke ในระยะฟื้นฟู หมายถึง การดูแลแบบองค์รวมที่มุ่งเน้นการ ฟื้นฟูสมรรถภาพ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคมของผู้ป่วยที่ผ่านพ้นภาวะเฉียบพลันของโรคหลอดเลือดสมองแล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความพิการ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองมากที่สุด และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลนี้ครอบคลุมตั้งแต่การดูแลขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงการฝึกฟื้นฟูเฉพาะด้าน

หลายท่านอาจสงสัยว่าการดูแลผู้ป่วย Stroke ที่บ้านก็สามารถทำได้ เหตุใด Nursing Care หรือการดูแลโดยทีมสหวิชาชีพจึงมีความสำคัญและอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า? ความแตกต่างที่สำคัญ มีดังนี้

  • ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ทีมพยาบาลและนักบำบัดมีความรู้ความเข้าใจในกลไกของโรคหลอดเลือดสมอง ผลกระทบที่เกิดขึ้น และเทคนิคการฟื้นฟูที่ถูกต้องตามหลักการ
  • การประเมินและวางแผนการดูแลเฉพาะบุคคล ทีมสหวิชาชีพจะประเมินสภาพผู้ป่วยอย่างละเอียดรอบด้าน และวางแผนการดูแลที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยแต่ละรายอย่างแท้จริง
  • การดูแลที่ครอบคลุม Nursing Care ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดูแลทางกายภาพ แต่ยังรวมถึงการดูแลด้านจิตใจ การสื่อสาร การจัดการภาวะแทรกซ้อน และการให้คำแนะนำแก่ญาติในการดูแลต่อเนื่อง
  • การเข้าถึงอุปกรณ์และเทคโนโลยี สถานพยาบาลมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น อุปกรณ์ฝึกเดิน อุปกรณ์กระตุ้นไฟฟ้า ซึ่งอาจไม่สะดวกในการจัดหาที่บ้าน
  • การติดตามและปรับแผนการดูแล ทีมสหวิชาชีพจะติดตามความก้าวหน้าของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และปรับแผนการดูแลให้เหมาะสมกับพัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไป
  • การป้องกันภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วย Stroke ในระยะฟื้นฟูมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น แผลกดทับ การติดเชื้อ การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ซึ่งทีมพยาบาลมีความรู้และทักษะในการป้องกันและจัดการภาวะเหล่านี้

กระบวนการดูแลผู้ป่วย Stroke ในระยะฟื้นฟูเป็นทีมเวิร์คที่ประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักภาษาบำบัด นักโภชนาการ และนักสังคมสงเคราะห์ สิ่งที่ควรทำคือ การทำกายภาพบำบัดอย่างเข้มข้นในช่วง 3 เดือนแรก (Golden Period) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการกายภาพบำบัดจะช่วยกระตุ้นให้เซลล์สมองที่เหลืออยู่เรียนรู้และทำหน้าที่ทดแทนส่วนที่เสียหาย โดยมีแนวทางการดูแลผู้ป่วยหลัก ๆ ดังนี้

  1. การประเมินสภาพผู้ป่วยอย่างละเอียด ประเมินความสามารถทางร่างกาย (กำลังกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว การทรงตัว) การทำงานของระบบประสาท (การพูด การกลืน การมองเห็น) สภาพจิตใจ อารมณ์ และความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน
  2. การตั้งเป้าหมายการฟื้นฟู ร่วมกับผู้ป่วยและครอบครัวในการตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้และสอดคล้องกับศักยภาพของผู้ป่วย
  3. การวางแผนการดูแล กำหนดแนวทางการฟื้นฟูที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย
  4. การให้การพยาบาลและการบำบัด ปฏิบัติตามแผนการดูแลที่วางไว้ ให้การรักษาในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือ คุมระดับความดัน ออกซิเจน และน้ำตาลในเลือด รักษาโรคร่วมที่ตรวจพบ เช่น 
  • ความดันโลหิตสูง
  • ไขมันในเลือดสูง
  • เบาหวาน
  • รับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง
  • ฝึกกายภาพเบื้องต้นและวางแผนการกายภาพในระยะยาว
  • Golden Period
  1. การให้ความรู้และคำแนะนำ ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการดูแลตนเอง การป้องกันภาวะแทรกซ้อน และการปรับตัวในการใช้ชีวิต
  2. การติดตามและประเมินผล ติดตามความก้าวหน้าของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และปรับแผนการดูแลตามความเหมาะสม
  3. การวางแผนการจำหน่าย เตรียมความพร้อมให้ผู้ป่วยและครอบครัวสำหรับการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน รวมถึงการเชื่อมโยงกับบริการชุมชนที่เกี่ยวข้อง

การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่บ้าน

การฟื้นฟูผู้ป่วย เส้นเลือด ในสมองแตกและตีบ เมื่อผู้ป่วยกลับไปพักฟื้นที่บ้าน การดูแลอย่างต่อเนื่องมีความสำคัญอย่างยิ่ง ญาติและผู้ดูแลควรได้รับคำแนะนำและฝึกฝนทักษะในการดูแลเบื้องต้น เช่น การช่วยเหลือในการเคลื่อนไหว การดูแลสุขอนามัย และการสังเกตอาการผิดปกติ

การสื่อสารกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ผู้ป่วย Stroke บางรายอาจมีปัญหาด้านการสื่อสาร เช่น พูดลำบาก เข้าใจยาก หรือไม่สามารถพูดได้ การใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ชัดเจน การใช้ภาพ หรือการสื่อสารที่ไม่ใช้คำพูด เช่น การสัมผัส การแสดงท่าทาง จะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การดูแลกิจวัตรประจำวัน

การช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร และการขับถ่าย ควรทำอย่างอดทนและให้กำลังใจ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำด้วยตนเองเท่าที่สามารถทำได้ เพื่อคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจ

การดูแลในการรับประทานอาหาร

การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพและโรคประจำตัว แพทย์หรือนักโภชนาการจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เพราะผู้ป่วย Stroke บางรายอาจมีปัญหาด้านการกลืน ควรดูแลเรื่องอาหารให้มีลักษณะที่เหมาะสม กลืนง่าย และมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน จัดท่าให้เหมาะสมขณะรับประทานอาหาร และระมัดระวังการสำลัก

การแต่งตัว

เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่าย หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่มีกระดุมหรือซิปขนาดเล็ก อาจใช้เสื้อผ้าที่มีตีนตุ๊กแกแทน ช่วยเหลือผู้ป่วยในการแต่งตัวอย่างใจเย็น

การดูแลสุขภาพช่องปาก

การดูแลสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ควรช่วยผู้ป่วยแปรงฟัน บ้วนปาก หรือทำความสะอาดช่องปากด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

การให้อาหารทางสายยาง

ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้ อาจจำเป็นต้องให้อาหารทางสายยาง ผู้ดูแลควรได้รับการฝึกฝนวิธีการให้อาหาร การดูแลสายยาง และการสังเกตอาการผิดปกติ

การดูแลผู้ป่วย แขน ขาอ่อน แรง 

นักกายภาพบำบัดจะประเมินสภาพร่างกายและปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อออกแบบโปรแกรมฟื้นฟูที่เหมาะสม โปรแกรมฟื้นฟูจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของอาการ เช่น ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเกร็ง ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอ่อนแรง หรือผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหาด้านการพูด นักกายภาพบำบัดจะให้คำแนะนำและสอนวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บทั้งต่อตัวผู้ป่วยและผู้ดูแล ควรเรียนรู้วิธีการเคลื่อนย้ายที่ถูกต้อง เช่น การพลิกตัว การลุกนั่ง การยืน และการเดิน โดยอาจใช้อุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนย้ายหากจำเป็น

การดูแลการนอน

จัดสภาพแวดล้อมในการนอนให้เหมาะสม เงียบสงบ อากาศถ่ายเทสะดวก จัดท่านอนที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ

การป้องกันแผลกดทับ

หากผู้ป่วยนอนในท่าเดิมเป็นเวลานาน อาจเกิดแผลกดทับ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ ควรพลิกตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง ดูแลผิวหนังให้สะอาดและแห้ง ใช้ที่นอนลม หรืออุปกรณ์ป้องกันแผลกดทับอื่นๆ ตามคำแนะนำ

การดูแลจิตใจผู้ป่วย

ผู้ป่วย Stroke มักเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์และจิตใจ เช่น ความรู้สึกเศร้า วิตกกังวล หรือหงุดหงิด ให้กำลังใจ รับฟัง และเข้าใจความรู้สึกของผู้ป่วย อาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาหากจำเป็น

การปรับสภาพบ้านและสิ่งแวดล้อม

ปรับสภาพบ้านให้เหมาะสม ห้องนอนควรมีแสงสว่างที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการหกล้ม จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนแรง เช่น จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นระเบียบ ไม่มีสิ่งกีดขวางทางเดิน ป้องกันเหลี่ยมมุมของเฟอร์นิเจอร์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงและเสี่ยงต่อการหกล้มได้ง่าย การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

สำหรับท่านที่กำลังมองหาวิธี ดูแลผู้ป่วย เส้นเลือด ในสมองและฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอย่างครบวงจร WALK WELL – เดินได้เดินดี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและเวชศาสตร์ฟื้นฟู พร้อมโปรแกรมกายภาพบำบัดที่ออกแบบเฉพาะบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ท่านสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้

WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีบริการ Nursing Care สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อศูนย์  WALK WELL

การดูแลทางโภชนาการในระยะฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke มีความสำคัญอย่างไร?

โภชนาการที่ดีมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และส่งเสริมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ผู้ป่วยควรได้รับอาหารที่ครบถ้วนสมดุล มีโปรตีนเพียงพอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และปรับลักษณะอาหารให้เหมาะสมกับความสามารถในการกลืน

การพยาบาลผู้ป่วย Stroke ที่บ้านกับในศูนย์ฟื้นฟูต่างกันอย่างไร

การดูแลที่บ้านทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยและอบอุ่น แต่ครอบครัวต้องมีความรู้และเวลา ส่วนศูนย์ฟื้นฟูมีทีมแพทย์–พยาบาล–นักกายภาพที่พร้อมกว่า เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลเข้มข้น

ครอบครัวควรเตรียมตัวอย่างไรหากต้องดูแลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟูที่บ้าน

ควรเรียนรู้วิธีพยาบาลขั้นพื้นฐาน เช่น การพลิกตัว การดูแลแผล การให้อาหารทางสายยาง และการช่วยฝึกกายภาพ นอกจากนี้ควรปรับบ้านให้ปลอดภัย เช่น ติดราวจับและเก็บของกีดขวาง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

การพยาบาลผู้ป่วยไม่ให้เกิดแผลกดทับทำได้อย่างไร

ควรพลิกตะแคงเปลี่ยนท่าผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง ใช้ที่นอนลมหรือที่นอนลดแรงกด ตรวจผิวหนังสม่ำเสมอ และนวดเบา ๆ บริเวณที่รับน้ำหนัก เช่น หลัง สะโพก และส้นเท้า

บทความนี้ถูกตรวจทานโดย
หมอขวัญ นพ.ขวัญ ศรีศิลป
ว.51094
MD., Physical Medicine & Rehabilitation (PM&R / Physiatrist)