ADD ANYTHING HERE OR JUST REMOVE IT…

TMS คืออะไร ทำความเข้าใจทางเลือกใหม่รักษาโรคหลอดเลือดสมอง 

Table of Contents

ในโลกของการรักษาโรคทางระบบประสาทและสมอง เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ TMS หรือ Transcranial Magnetic Stimulation ซึ่งเป็นเทคนิคการกระตุ้นสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า tms คือ อะไร มีขั้นตอนการรักษาอย่างไร เหมาะกับใคร มีผลข้างเคียงหรือไม่ และเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างไร

เครื่อง TMS คืออุปกรณ์ที่ใช้สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นสูงในระยะเวลาสั้นๆ ส่งผ่านไปยังสมองส่วนที่ต้องการทำการรักษา โดยสนามแม่เหล็กนี้จะเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ในเซลล์ประสาท ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานของสมองในบริเวณนั้นได้ เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าด้วยสนามแม่เหล็กนี้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคทางระบบประสาทและจิตเวชหลายชนิด รวมถึงโรคหลอดเลือดสมอง

TMS คือ เทคนิคการกระตุ้นสมองแบบไม่รุกราน (Non-invasive brain stimulation) โดยใช้หลักการของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองส่วนที่ต้องการรักษา คำว่า TMS Therapy คือกระบวนการบำบัดรักษาโดยใช้เทคนิค TMS นี้เอง ซึ่งแตกต่างจากการรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัด เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีหรือการเปิดกะโหลกศีรษะ ไม่เจ็บ ใช้เวลา 30-60 นาทีต่อครั้ง

การรักษาด้วยเครื่อง TMS โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้

  1. การประเมินผู้ป่วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินสภาพร่างกาย ประวัติทางการแพทย์ และอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาว่า TMS เป็นทางเลือกการรักษาที่เหมาะสมหรือไม่
  2. การกำหนดตำแหน่งการกระตุ้น โดยใช้ภาพสแกนสมอง (เช่น MRI) หรือการระบุตำแหน่งตามมาตรฐานสากล แพทย์จะกำหนดตำแหน่งที่ต้องการกระตุ้นในสมองของผู้ป่วยอย่างแม่นยำ
  3. การวางขดลวด ขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าจะถูกวางเหนือศีรษะของผู้ป่วยในตำแหน่งที่กำหนด
  4. การกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เครื่อง TMS จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นชุดในช่วงเวลาสั้นๆ ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเคาะเบาๆ ที่ศีรษะ
  5. ระยะเวลาการรักษา การรักษาด้วย TMS มักต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง (เช่น 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 4-6 สัปดาห์) ระยะเวลาและจำนวนครั้งจะขึ้นอยู่กับอาการและการตอบสนองของผู้ป่วย

แม้ว่า TMS จะเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น

  • ผลการรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
  • อาจต้องใช้เวลาในการรักษาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังอยู่ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือโลหะในสมอง

ประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ในการรักษาโรคทางระบบประสาทนั้นมีหลายประการ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่

  • กระตุ้นให้เซลล์ประสาทเกิดกระแสไฟฟ้า TMS สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทที่ได้รับผลกระทบจากโรคหลอดเลือดสมอง ช่วยให้เกิดการฟื้นตัวและการสร้างเครือข่ายประสาทใหม่
  • ฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ในผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวแขนขา TMS สามารถช่วยกระตุ้นสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อดีขึ้น
  • พัฒนาการพูดและความเข้าใจ สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร TMS อาจช่วยกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพูดและความเข้าใจภาษา
  • บรรเทาอาการซึมเศร้าและความเหนื่อยล้า ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมักมีอาการซึมเศร้าและความเหนื่อยล้าร่วมด้วย ซึ่ง TMS สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้
  • เป็นทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัดและใช้ยา สำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานยาบางชนิดได้ หรือไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัด TMS เป็นอีกทางเลือกที่มีความปลอดภัยสูง

นอกเหนือจากโรคหลอดเลือดสมองแล้ว TMS ยังได้รับการนำมาใช้ในการรักษาโรคทางระบบประสาทและจิตเวชอื่น ๆ เช่น

  • โรคซึมเศร้าที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา
  • โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder – OCD)
  • โรคจิตเภท (Schizophrenia)
  • อาการปวดเรื้อรัง
  • โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)
  • โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease)

โดยทั่วไป TMS ถือเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูงและมีผลข้างเคียงน้อย ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นชั่วคราว ได้แก่

  • อาการปวดศีรษะเล็กน้อย
  • รู้สึกไม่สบายหนังศีรษะบริเวณที่ถูกกระตุ้น
  • อาการชาหรือรู้สึกยิบๆ ที่หนังศีรษะ

ผลข้างเคียงที่รุนแรงนั้นพบได้น้อยมาก แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ เช่น อาการชัก ซึ่งมักเกิดในผู้ที่มีประวัติโรคลมชักมาก่อน ดังนั้น การประเมินผู้ป่วยอย่างละเอียดก่อนการรักษาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

การรักษาทางเลือกอื่นสำหรับโรคทางระบบประสาทมีอะไรบ้าง?

นอกจากการรักษาด้วย TMS แล้ว ยังมีทางเลือกอื่น ๆ ในการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เช่น

  • การรักษาด้วยยา เพื่อควบคุมความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดซ้ำ
  • การทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและการทำงานของกล้ามเนื้อ
  • การฝึกพูดและภาษาบำบัด สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร
  • การบำบัดทางจิตใจ เพื่อจัดการกับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล

การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์และความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย

เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและการเข้าถึงการดูแลรักษาที่ครอบคลุมสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากการรักษาด้วย TMS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบประสาทแล้ว การดูแลแบบองค์รวมก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกระตุ้นสมองด้วยเครื่อง TMS สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อศูนย์  WALK WELL

TMS ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย Stroke ได้จริงหรือไม่?

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า TMS สามารถช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพในด้านต่างๆ ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้จริง เช่น การเคลื่อนไหว การพูด และความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ควรเริ่มการรักษาด้วยเครื่อง TMS หลังจากเป็น Stroke เมื่อไร?

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มการรักษาด้วย TMS หลังจากการเกิดโรคหลอดเลือดสมองนั้นยังอยู่ในระหว่างการศึกษา แต่โดยทั่วไปแล้ว การเริ่มการรักษาในระยะฟื้นฟู (subacute phase) ซึ่งอยู่ระหว่าง 1 เดือนถึง 6 เดือนหลังเกิดโรค อาจให้ผลลัพธ์ที่ดี

การรักษาด้วยเครื่อง TMS สามารถทำควบคู่กับการรักษาอื่น ๆ ได้ไหม?

โดยทั่วไปแล้ว การรักษาด้วย TMS สามารถทำควบคู่ไปกับการรักษาอื่น ๆ ได้ เช่น กายภาพบำบัด การฝึกพูด และการรักษาด้วยยา อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย

บทความนี้ถูกตรวจทานโดย
หมอขวัญ นพ.ขวัญ ศรีศิลป
ว.51094
MD., Physical Medicine & Rehabilitation (PM&R / Physiatrist)