เมื่อผู้ป่วยประสบภาวะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หนึ่งในผลกระทบที่พบบ่อยคือการสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว สมองได้กับความกระทบกระเทือน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและภาระของผู้ดูแล การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะหลังจากภาวะเฉียบพลันทั้งในด้านการฟื้นสมรรถภาพร่างกาย การฝึกเดินใหม่ รวมถึงการสนับสนุนทางจิตใจจากคนใกล้ชิดจึงสำคัญอย่างมาก
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงแนวทางการดูแลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟูให้สามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง ตั้งแต่กระบวนการพื้นฐาน การใช้เทคโนโลยีช่วยเดิน เช่น หุ่นยนต์ฝึกเดิน (Robotic Gait Training) ไปจนถึงโอกาสในการฟื้นตัว พร้อมแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและเตรียมความพร้อมของผู้ดูแลอย่างรอบด้าน รวมถึงตอบคำถามผู้ป่วยโรคสมองฟื้นฟูได้ไหม มีวิธีกายภาพบําบัด เส้นเลือดในสมองตีบและแตกยังไงได้บ้าง
ทำไมผู้ป่วย Stroke ถึงเดินไม่ได้ และการฟื้นฟูควรเริ่มเมื่อไหร่
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) จะสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวบางส่วน เนื่องจากสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวได้รับความเสียหาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ควบคุมการทรงตัวไม่ได้ หรือสูญเสียความสามารถในการประสานการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเดินได้ตามปกติ
ดังนั้น จะมีทีมสหวิชาชีพ เช่น แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกายภาพบำบัด และนักกิจกรรมบำบัด เข้ามาช่วยประเมินความสามารถของผู้ป่วย และวางแผนการฟื้นฟูให้กับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งในช่วงแรกอาจเริ่มจากการนั่ง ทรงตัวบนเตียง ไปจนถึงการยืนและฝึกเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยพยุง
อาการหลังผ่าตัดหรือเข้ารับการรักษาในผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ที่ผู้ป่วยควรเฝ้าระวัง
แม้การควบคุมอาการเฉียบพลันจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผู้ป่วยยังคงมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหรืออาการบางประการที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการผ่าตัด หรือมีอาการสมองกระทบกระเทือนจากการรักษา จึงจำเป็นต้องได้รับการติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วง 1–3 เดือนแรกหลังการรักษา โดยอาการหลังผ่าตัดเส้นเลือดที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่
- ปวดศีรษะรุนแรงและเฉียบพลัน อาจเป็นสัญญาณของการเกิดเลือดออกซ้ำหรือภาวะความดันในสมองเพิ่มสูง
- อาเจียนพุ่งหรือคลื่นไส้เรื้อรัง บ่งชี้ได้ถึงความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง หรือแรงดันในสมองที่ไม่สมดุล
- ชักหรือเกร็ง เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ในผู้ป่วยบางรายหลังผ่าตัดสมอง อาจต้องได้รับยาควบคุมอาการ
- แขน ขา อ่อนแรง หรือพูดไม่ชัดมากขึ้น ควรสังเกตว่ามีอาการกลับมาแย่ลงหรือไม่ เพราะอาจเป็นสัญญาณของอาการซ้ำ
- สับสน ไม่รู้สึกตัว หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เป็นอาการที่ควรแจ้งแพทย์ทันที เพราะอาจเกี่ยวข้องกับสมองส่วนที่ได้รับผลกระทบหลังผ่าตัด
แนวทางการดูแลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟู เพื่อกลับมาเดินได้
การดูแลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟูเพื่อให้กลับมาเดินได้ จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการฟื้นฟูที่มีความต่อเนื่องและเหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้ป่วยแต่ละราย โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และการทรงตัวให้กลับมาใกล้เคียงภาวะปกติมากที่สุด ซึ่งแนวทางที่นิยมใช้ ได้แก่
- กายภาพบำบัด (Physical Therapy) เน้นการทํากายภาพบําบัดผู้ป่วย Stroke ด้วยการฝึกกล้ามเนื้อขา การทรงตัว และการเคลื่อนไหวของข้อ โดยอาจเริ่มจากการฝึกบนเตียง เปลี่ยนท่าทาง ฝึกยืน ไปจนถึงการฝึกเดิน โดยใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงหรือฝึกเดินในรางเดินเฉพาะทาง
- กิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy) เสริมทักษะในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การยืนแต่งตัว การลุกจากเก้าอี้ หรือการเดินในบ้าน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตนเองมากขึ้น
- การกระตุ้นระบบประสาทซ้ำ ๆ (Neuroplasticity Training) เน้นการฝึกซ้ำเพื่อกระตุ้นสมองให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ เช่น การฝึกเดินในรูปแบบเดิมหลายครั้งต่อเนื่อง เพื่อให้สมองสร้างเส้นทางประสาททดแทนส่วนที่เสียหาย
- การฝึกทรงตัวและการควบคุมลำตัว ใช้เครื่องมือช่วยฝึก เช่น ลูกบอลทรงตัว เก้าอี้ฝึกการนั่ง หรือพื้นผิวไม่มั่นคง เพื่อฝึกการประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อและระบบประสาท
เทคโนโลยีหุ่นยนต์ฝึกเดิน ทางเลือกใหม่ของการฟื้นฟู
การฟื้นฟูผู้ป่วยผ่าตัดสมองให้สามารถกลับมาเดินได้ ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ฝึกเดิน (Robotic Gait Training) เข้ามาใช้ร่วมกับการกายภาพบำบัดแบบดั้งเดิม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกให้แม่นยำและสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
การทํากายภาพบําบัดผู้ป่วย Stroke ด้วยหุ่นยนต์ฝึกเดิน
หุ่นยนต์ฝึกเดินคืออุปกรณ์ฟื้นฟูที่ออกแบบมาเพื่อช่วยพยุงและควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายผู้ป่วยในขณะฝึกเดิน โดยระบบจะช่วยควบคุมจังหวะ ก้าวเดิน และแรงกดในแต่ละข้างให้เป็นไปตามรูปแบบการเดินปกติ ซึ่งช่วยกระตุ้นสมองให้เรียนรู้การเคลื่อนไหวใหม่อย่างเป็นระบบ และยังมีประโยชน์อีกมากมาย ดังนี้
- ช่วยลดภาระของนักกายภาพบำบัดในการพยุงตัวผู้ป่วย
- เพิ่มความปลอดภัยในการฝึกสำหรับผู้ป่วยที่ยังทรงตัวไม่ได้
- สามารถควบคุมจำนวนรอบการฝึกได้อย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ
- กระตุ้นการสร้างเส้นทางประสาทใหม่ (Neuroplasticity) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมแรงจูงใจของผู้ป่วยเนื่องจากเห็นความก้าวหน้าอย่างชัดเจน
ปัจจุบันโรงพยาบาลใหญ่หลายแห่งในประเทศไทย เริ่มนำหุ่นยนต์ฝึกเดินเข้ามาใช้ในการทํากายภาพบําบัดผู้ป่วย Stroke เนื่องจากมีระบบรางพยุงตัว และ Exoskeleton แบบสวมใส่ที่ช่วยให้การฝึกเดินคล้ายกับการเดินจริงมากที่สุด
การดูแลผู้ป่วย แขน ขาอ่อน แรงจาก Stroke ช่วยส่งเสริมการเคลื่อนไหว
อาการแขน ขาอ่อนแรง เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โดยเกิดจากสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถใช้กล้ามเนื้อข้างใดข้างหนึ่งได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการดูแลผู้ป่วย stroke ระยะฟื้นฟูจะช่วยส่งเสริมการเคลื่อนไหวและลดความพิการระยะยาวได้ ซึ่งแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะแขน ขาอ่อนแรง มีดังนี้
- การฝึกเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ การเคลื่อนไหวข้อต่อแบบช่วยเหลือ (Passive) และแบบที่ผู้ป่วยพยายามขยับเอง จะช่วยลดความฝืดของข้อ ป้องกันกล้ามเนื้อลีบ และกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท
- การจัดท่าทางที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการปรับท่านั่ง นอน และท่ายืนให้เหมาะสม เพื่อช่วยลดการกดทับและการเกร็งผิดรูป เช่น การวางหมอนรองแขนหรือขาเพื่อป้องกันข้อติด
- การฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดินและพยุงตัว ใช้ walker, ไม้เท้า หรือเฝือกพยุงข้อเท้าเพื่อช่วยในการทรงตัวและเคลื่อนไหวในระยะแรก
- การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า เทคนิคกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยกระแสไฟฟ้าความถี่ต่ำ เพื่อให้กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงกลับมาทำงานและเพิ่มโอกาสในการควบคุมกล้ามเนื้อ
- สนับสนุนด้านจิตใจและแรงจูงใจ การให้กำลังใจและเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมจากครอบครัวและผู้ดูแล จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความพยายามในการฝึกเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
โอกาสในการกลับมาเดินได้ของผู้ป่วย Stroke ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง
- ตำแหน่งและความรุนแรงของสมองที่เสียหาย หากบริเวณสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวได้รับผลกระทบเพียงบางส่วน โอกาสฟื้นตัวจะสูงกว่าผู้ที่ได้รับความเสียหายรุนแรงหรือกินพื้นที่กว้าง
- ระยะเวลาในการเริ่มฟื้นฟู การเริ่มต้นกายภาพบำบัดและฟื้นฟูเร็ว ภายใน 24–48 ชั่วโมงหลังพ้นระยะวิกฤต จะช่วยกระตุ้นสมองให้เรียนรู้ทดแทนส่วนที่เสียหายได้เร็วขึ้น และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน
- สุขภาพพื้นฐานและอายุของผู้ป่วย ผู้ที่ไม่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง หรือโรคหัวใจ และผู้ที่มีอายุน้อย มักตอบสนองต่อการฟื้นฟูได้ดีกว่า
- แรงสนับสนุนจากครอบครัวและทีมฟื้นฟู การมีผู้ดูแลใกล้ชิดที่ให้กำลังใจ พร้อมทีมแพทย์และนักกายภาพที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้ผู้ป่วยมีแรงจูงใจและมีแนวทางการฝึกที่ถูกต้องต่อเนื่อง
- การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ช่วยฟื้นฟู เช่น หุ่นยนต์ฝึกเดิน เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ หรือ treadmill แบบมีระบบพยุงน้ำหนัก จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการฝึกเดินและเพิ่มโอกาสฟื้นตัวได้มากขึ้น
แม้การฟื้นฟูผู้ป่วยผ่าตัดสมองบางรายอาจไม่สามารถกลับมาเดินได้เต็ม 100% เหมือนเดิม แต่หากได้รับการดูแลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟูอย่างเหมาะสม มีเป้าหมายชัดเจน และได้รับกำลังใจอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถกลับมาเดินได้ในระดับที่ช่วยให้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกายภาพบำบัด สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ ติดต่อศูนย์ WALK WELL
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย stroke ระยะฟื้นฟู
การฟื้นฟูหลังเป็น Stroke นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล
การฟื้นฟูผู้ป่วยผ่าตัดสมองส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลของการฟื้นฟูภายใน 1–3 เดือนแรก โดยเฉพาะหากเริ่มกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่การฟื้นฟูสามารถทำได้นานถึง 6–12 เดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
การฟื้นฟูผู้ป่วยผ่าตัดสมองส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลของการฟื้นฟูภายใน 1–3 เดือนแรก โดยเฉพาะหากเริ่มกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่การฟื้นฟูสามารถทำได้นานถึง 6–12 เดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
ต้องทำกายภาพบำบัดอย่างไรเพื่อกลับมาเดินได้
เริ่มจากฝึกทรงตัวบนเตียง นั่ง ยืน และเดิน โดยใช้อุปกรณ์ช่วยเดินหรือราวจับ จากนั้นให้พัฒนาไปสู่การเดินบนพื้นเรียบหรือพื้นผิวต่างระดับ แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของนักกายภาพบำบัด และควรฝึกซ้ำ ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นระบบประสาทให้เกิดการเรียนรู้ใหม่
เริ่มจากฝึกทรงตัวบนเตียง นั่ง ยืน และเดิน โดยใช้อุปกรณ์ช่วยเดินหรือราวจับ จากนั้นให้พัฒนาไปสู่การเดินบนพื้นเรียบหรือพื้นผิวต่างระดับ แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของนักกายภาพบำบัด และควรฝึกซ้ำ ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นระบบประสาทให้เกิดการเรียนรู้ใหม่
จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเดินตลอดชีวิตหรือไม่
ไม่จำเป็นเสมอไป หากผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสมและสามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น เพราะอุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น walker หรือไม้เท้า อาจใช้เพียงชั่วคราวในช่วงฟื้นฟูเท่านั้น แต่ในบางรายที่มีความเสียหายรุนแรง จำเป็นต้องใช้งานต่อเนื่องในระยะยาว
ไม่จำเป็นเสมอไป หากผู้ป่วยได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสมและสามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น เพราะอุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น walker หรือไม้เท้า อาจใช้เพียงชั่วคราวในช่วงฟื้นฟูเท่านั้น แต่ในบางรายที่มีความเสียหายรุนแรง จำเป็นต้องใช้งานต่อเนื่องในระยะยาว
หลังเป็น Stroke แล้วสามารถออกกำลังกายรูปแบบอื่นเพิ่มเติมได้หรือไม่
การดูแลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟูสามารถให้ออกกำลังกายได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เช่น การออกกำลังกายเบา ๆ ในท่านั่ง โยคะ กิจกรรมในน้ำ หรือการฝึกยืดเหยียด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของระบบไหลเวียน
การดูแลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟูสามารถให้ออกกำลังกายได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เช่น การออกกำลังกายเบา ๆ ในท่านั่ง โยคะ กิจกรรมในน้ำ หรือการฝึกยืดเหยียด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของระบบไหลเวียน
การทำงานของสมองส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเดินมากที่สุด
การควบคุมการเดินเกี่ยวข้องกับสมองหลายส่วน โดยเฉพาะสมองส่วนกลีบหน้าด้านใน และสมองน้อย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเริ่มต้นการเคลื่อนไหว การประสานงาน และการทรงตัว หากสมองบริเวณเหล่านี้ได้รับความเสียหาย อาจส่งผลต่อความสามารถในการเดินของผู้ป่วยได้
การควบคุมการเดินเกี่ยวข้องกับสมองหลายส่วน โดยเฉพาะสมองส่วนกลีบหน้าด้านใน และสมองน้อย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเริ่มต้นการเคลื่อนไหว การประสานงาน และการทรงตัว หากสมองบริเวณเหล่านี้ได้รับความเสียหาย อาจส่งผลต่อความสามารถในการเดินของผู้ป่วยได้