“ติ๊กต่อก…ติ๊กต่อก…” เสียงนาฬิกาเร่งเวลาที่กำลังนับถอยหลัง นั่นอาจเป็นเหมือนการเปรียบเทียบกับโรคภัยไข้เจ็บที่คุกคามชีวิตเราโดยไม่รู้ตัว หนึ่งในนั้นคือ “เส้นเลือดในสมองแตก” ภัยเงียบที่พร้อมจะพรากชีวิตและความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันไปได้ทุกเมื่อ บทความนี้จะพาคุณไปเช็กลิสต์! เส้นเลือดในสมองแตก อาการเริ่มแรก เส้นเลือดในสมองแตก วิธีรักษาที่รวดเร็ว รวมถึงอธิบายว่าเส้นเลือดในสมองแตก เกิดจากอะไร
เส้นเลือดในสมองแตก เกิดจากอะไร สาเหตุที่อาจคาดไม่ถึง
เส้นเลือดในสมองแตก เกิดจากการที่หลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองเกิดการแตก ทำให้เลือดไหลออกมาในเนื้อสมอง หรือบริเวณรอบๆ สมอง เลือดที่ไหลออกมาจะไปกดทับเนื้อสมอง ทำให้เซลล์สมองขาดเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยง จนทำให้สมองเสียหายและสูญเสียการทำงาน
กลุ่มคนที่มีปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดเส้นเลือดในสมองแตก
- ผู้สูงอายุ อายุที่เพิ่มขึ้นทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพ
- ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและเสี่ยงต่อการแตก
- ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง ไขมันในเลือดสูงจะไปสะสมตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว
- ผู้ป่วยเบาหวาน เบาหวานทำให้อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงหลอดเลือดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ผู้สูบบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบ
- ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง พันธุกรรมมีส่วนสำคัญในการเกิดโรคนี้
- ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะนี้ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป แอลกอฮอล์ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น
- ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดแข็งตัว
เช็กลิสต์! เส้นเลือดในสมองแตก อาการเริ่มแรกที่ต้องระวัง
วิธีการสังเกตอาการของผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตกนั้น อาการจะคล้ายกับผู้ป่วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ สามารถเช็กได้โดยใช้หลักการดังนี้
เช็กได้จากหลักการ BE-FAST ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- B คือ Balance สามารถสังเกตว่าคนไข้เวียนศีรษะฉับพลัน, เซ, ทรงตัวไม่ได้ แม้แต่นั่งก็ยังทรงตัวไม่ได้ล้มไปทางใดทางหนึ่ง โดยที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ทำให้บอกได้ว่าบาลานซ์ของเขาเสียหายไป การทรงตัวของเขาเสียหายไปขึ้นมาแบบฉับพลันทันทีแบบนี้ควรไปพบแพทย์
- E คือ Eyes เห็นภาพซ้อน (แนวตั้งหรือแนวนอน) ลานสายตาแคบลง (มองไม่เห็นด้านข้าง) คือเมื่อเรามองไปสองทางจะเห็นลานสายตากว้างออกเป็นสองทาง แต่ลานสายตาอาจจะหายไปครึ่งหนึ่ง เช่น หายไปทางขวา เรามองไปแล้วไม่เห็นสิ่งของที่อยู่ทางขวาหรือเดินไปแล้วไปชนสิ่งของทางขวา บางคนอาจจะเป็นอาการขับรถแล้วมองกระจกข้างไม่เห็น ปกติเราเหลือบตา มองกระจกข้างด้านขวาเราก็เห็นหรือมองกระจกข้างด้านซ้ายก็เห็น แต่กลายเป็นเหลือบตาแล้วมองไม่เห็นกระจกด้านข้าง อันนี้บอกว่าลานสายตาแคบลงเป็นขึ้นมาฉับพลันทันทีต้องนึกถึงโรคนี้
- F คือ Face หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด
- A คือ Arm แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก
- S คือ Speech พูดไม่ชัด เสียงพูดเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นขึ้นมาทันที
- T คือ Time รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที เพราะมันเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันจะได้ให้การรักษาอย่างทันท่วงที โดยช่วงเวลาสำคัญสำหรับการรักษา 4.5 ชั่วโมงแรกมีโอกาสได้รับยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ และภายใน 24 ชั่วโมงแรกสามารถพิจารณาการลากลิ่มเลือดได้
เส้นเลือดในสมองแตก วิธีรักษามีอะไรบ้างที่รวดเร็วช่วยชีวิตได้
โดยทั่วไปมี 3 รูปแบบหลักๆ ดังนี้
- การให้ยาลดความดันในสมอง ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีความดันในสมองสูง เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดความเสียหายต่อสมองเพิ่มเติม
- การผ่าตัด พิจารณาในกรณีที่มีเลือดออกในสมองปริมาณมาก หรือมีภาวะสมองบวม การผ่าตัดมีจุดประสงค์เพื่อนำเลือดที่คั่งอยู่ออก และลดแรงกดดันในสมอง ช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผู้ป่วย
- การสังเกตอาการและการควบคุมความดัน ใช้ในกรณีที่เลือดออกมีปริมาณน้อย หรืออยู่ในตำแหน่งที่ผ่าตัดได้ยาก แพทย์จะติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
เส้นเลือดในสมองแตกระยะเวลาในการรักษามีกี่ระยะบ้าง
ระยะแรกหลังป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือญาติของผู้ป่วย ต้องพาคนไข้มาถึงมือหมอเร็วที่สุด และพร้อมให้ประวัติอย่างครบถ้วนกรณีคนไข้ที่อ่อนแรง สลบ ไม่สามารถสื่อสารได้ ญาติต้องจัดท่าทางให้คนไข้นอนพลิกหน้าหันตะแคงเพื่อไม่ให้สำลักน้ําลายหรือไม่ให้ลิ้นลงไปอุดทางเดินหายใจ และกดเบอร์ 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาลเพื่อให้ส่งถึงมือแพทย์ ทั้งนี้ญาติที่ให้ข้อมูลกับแพทย์ควรเป็นญาติที่เห็นเหตุการณ์และรู้ประวัติกับโรคประจำตัวของคนไข้พอสมควร
ระยะที่คนไข้ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือฝึกกายภาพบำบัด
ญาติจำเป็นต้องเตรียมพร้อมขณะผู้ป่วยอยู่ในการรักษาของแพทย์ เช่น การเรียนรู้วิธีการให้สายยางทางอาหาร หรือสังเกตอาการ เป็นต้น
ระยะหลังกลับมาดูแลที่บ้าน
ญาติจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีกายภาพบําบัดผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก เช่น การทำกายภาพให้กับคนไข้, คุมอาหารและวิธีการดูแลพร้อมกับโรคร่วมที่คนไข้เป็น และต้องคอยเฝ้าสังเกตอาการโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อเคยเป็นแล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้
WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกายภาพบำบัด สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อศูนย์ Walk WELL
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเส้นเลือดในสมองแตก
เส้นเลือดในสมองแตก มีโอกาสรอดไหม
ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการรักษา ปริมาณเลือดที่ออก และตำแหน่งที่แตก หากไปโรงพยาบาลภายใน 4.5 ชั่วโมง โอกาสรอดสูงกว่ามาก
ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการรักษา ปริมาณเลือดที่ออก และตำแหน่งที่แตก หากไปโรงพยาบาลภายใน 4.5 ชั่วโมง โอกาสรอดสูงกว่ามาก
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบ
เพียงแต่อาการภายนอกไม่สามารถบอกได้แน่ชัด จำเป็นต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยทางภาพรังสี เช่น การทำ CT-Scan ซึ่งให้ผลรวดเร็ว หรือ MRI ที่ให้รายละเอียดแม่นยำกว่า แต่ใช้เวลามากกว่า การตรวจเหล่านี้ช่วยให้แพทย์แยกได้ว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองชนิดตีบตันหรือแตก และเลือกแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง
เพียงแต่อาการภายนอกไม่สามารถบอกได้แน่ชัด จำเป็นต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยทางภาพรังสี เช่น การทำ CT-Scan ซึ่งให้ผลรวดเร็ว หรือ MRI ที่ให้รายละเอียดแม่นยำกว่า แต่ใช้เวลามากกว่า การตรวจเหล่านี้ช่วยให้แพทย์แยกได้ว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองชนิดตีบตันหรือแตก และเลือกแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง
ผู้ป่วยเส้นเลือดสมองแตกต้องนอนโรงพยาบาลนานแค่ไหน
ระยะเวลาการพักรักษาตัวแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปผู้ป่วยจะต้องอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อยหลายวันถึงหนึ่งสัปดาห์เพื่อเฝ้าติดตามอาการ แก้ไขภาวะแทรกซ้อน และวางแผนการฟื้นฟูต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล
ระยะเวลาการพักรักษาตัวแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปผู้ป่วยจะต้องอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อยหลายวันถึงหนึ่งสัปดาห์เพื่อเฝ้าติดตามอาการ แก้ไขภาวะแทรกซ้อน และวางแผนการฟื้นฟูต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยเส้นเลือดสมองแตกมีอะไรบ้าง?
ผู้ป่วยอาจเผชิญกับอาการอัมพฤกษ์-อัมพาต การพูดลำบาก กลืนลำบาก ปัญหาการมองเห็น หรืออาการชัก นอกจากนี้ยังอาจมีภาวะทางอารมณ์ เช่น ความเครียดและโรคซึมเศร้า ซึ่งล้วนต้องได้รับการดูแลควบคู่กัน
ผู้ป่วยอาจเผชิญกับอาการอัมพฤกษ์-อัมพาต การพูดลำบาก กลืนลำบาก ปัญหาการมองเห็น หรืออาการชัก นอกจากนี้ยังอาจมีภาวะทางอารมณ์ เช่น ความเครียดและโรคซึมเศร้า ซึ่งล้วนต้องได้รับการดูแลควบคู่กัน