ความดันโลหิตสูง เป็นภาวะที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่แสดงอาการใด ๆ ในระยะแรก จึงถูกขนานนามว่าเป็นเพชฌฆาตเงียบ ที่แฝงตัวอยู่ในชีวิตประจำวันของใครหลายคน หากปล่อยไว้โดยไม่รู้ตัว อาจนำไปสู่โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือภาวะไตวายได้ การเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้นของความดันสูง รวมถึงแนวทางในการดูแลและป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่มีอายุมากขึ้น
ความดันสูงคืออะไร? ภาวะเสี่ยงที่อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง
ความดันโลหิตสูง (Hypertension) คือภาวะที่แรงดันของเลือดในหลอดเลือดแดงมีค่าสูงกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง โดยทั่วไปหากค่าความดันอยู่ที่ 140/90 mmHg หรือมากกว่า จะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ความดันสูง ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่แสดงอาการใด ๆ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ควบคุม อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
เมื่อหัวใจต้องสูบฉีดเลือดผ่านหลอดเลือดที่มีแรงต้านสูงขึ้น ผนังหลอดเลือดจะเกิดการเสื่อมสภาพและแข็งตัวตามมา ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ไม่สะดวก หรือในบางกรณีอาจทำให้หลอดเลือดในสมองแตกจากแรงดันที่สูงเกินไป กลายเป็นภาวะฉุกเฉินที่เสี่ยงต่ออัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตเฉียบพลัน
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ที่เกี่ยวข้องกับภาวะความดันโลหิตสูง ได้แก่ อายุที่เพิ่มขึ้น กรรมพันธุ์ น้ำหนักเกิน การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ความเครียดเรื้อรัง การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ หากมีหลายปัจจัยเหล่านี้ร่วมกัน จะยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้มากขึ้น
ดังนั้น การทำความเข้าใจความดันสูงและการตรวจวัดค่าความดันอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นก้าวแรกในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอย่างมีประสิทธิภาพ
ความดันสูงส่งผลต่อหลอดเลือดสมองอย่างไร?
ภาวะความดันสูง อย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผนังหลอดเลือดในสมองเสื่อมสภาพ เสียความยืดหยุ่น และเกิดการอุดตันหรือแตกได้ง่าย เมื่อหลอดเลือดสมองเกิดปัญหา ไม่ว่าจะจากการตีบแคบ อุดตัน หรือแตก จะส่งผลให้สมองบางส่วนขาดเลือดและออกซิเจน นำไปสู่ภาวะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อระบบประสาทและการควบคุมร่างกาย ซึ่งอาการที่อาจเกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดสมองเริ่มได้รับผลกระทบจากความดันสูง ได้แก่
- ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดแบบเฉียบพลัน อาจเกิดจากเลือดไหลเวียนไม่เพียงพอไปยังจอตา
- อาการปากเบี้ยว พูดไม่ชัด หรือใบหน้าครึ่งซีกตก มักเกิดจากสมองซีกใดซีกหนึ่งได้รับความเสียหาย
- ผู้ป่วยบางรายมีอาการปากเบี้ยวจากเป็น stroke และอ่อนแรงครึ่งซีกของร่างกาย เป็นสัญญาณของหลอดเลือดสมองอุดตันหรือแตก
- อีกหนึ่งอาการที่พบได้บ่อยคืออาการลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด เกิดจากการที่สมองไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อปากและลิ้นได้ตามปกติ
ภาวะเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน เพราะหากไม่เข้ารับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองอย่างทันท่วงทีอาจส่งผลให้สมองถูกทำลายถาวร หรือเกิดความพิการในระยะยาว การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองและภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง หากปล่อยให้ความดันสูงเรื้อรัง
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองจากภาวะความดันโลหิตสูงเรื้อรังที่ไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม จะเพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคหลอดเลือดสมอง อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อค่าความดันโลหิตสูงเกินระดับที่ถือว่ ค่าความดันปกติ คือประมาณ 120/80 mmHg อย่างต่อเนื่อง หลอดเลือดในสมองจะถูกแรงดันจากเลือดกระทำอยู่ตลอดเวลา จนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง ทำให้หลอดเลือดเสื่อม แข็งตัว ตีบแคบ หรือเปราะแตกได้ง่าย
เมื่อหลอดเลือดไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ หรือเกิดลิ่มเลือดไปอุดตันในเส้นเลือด ก็จะทำให้สมองบางส่วนขาดออกซิเจน ส่งผลให้เนื้อสมองเสียหายหรือหยุดทำงานทันที ผู้ป่วยจะมีอาการ เช่น อ่อนแรงครึ่งซีก ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด ตามัว หรือในบางรายอาจหมดสติอย่างเฉียบพลัน
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการเหล่านี้อาจกลายเป็นภาวะถาวร เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือแม้แต่เสียชีวิตได้ ความดันโลหิตสูงจึงไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขในเครื่องวัด แต่เป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมองที่อันตรายอย่างยิ่ง
ดังนั้น การควบคุมให้ค่าความดันปกติอยู่ในช่วงเหมาะสม และการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองก่อนที่จะสายเกินไป
ความดันสูงเสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง
ภาวะความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคร้ายแรงหลายชนิด โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจ หลอดเลือด สมอง ไต และดวงตา หากไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ ดังนี้
1. โรคหัวใจ
- หัวใจโต หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อเอาชนะแรงต้านในหลอดเลือดที่สูงขึ้น
- หัวใจขาดเลือด จากหลอดเลือดหัวใจตีบแคบ
- ภาวะหัวใจวาย เมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอ
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ เนื่องจากความดันส่งผลต่อการทำงานของระบบไฟฟ้าหัวใจ
2. โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- หลอดเลือดสมองตีบ เกิดจากลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้สมองขาดเลือด
- หลอดเลือดสมองแตก แรงดันที่สูงเกินทำให้หลอดเลือดในสมองแตก
- ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว (TIA) สัญญาณเตือนล่วงหน้าของโรคหลอดเลือดสมอง
3. โรคไตเรื้อรัง
ความดันสูงทำให้ไตกรองของเสียได้ลดลง เกิดการสะสมของของเสียและน้ำในร่างกาย นำไปสู่ ภาวะไตวายเรื้อรัง ซึ่งอาจต้องล้างไตหรือปลูกถ่ายไตในระยะยาว
4. ภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพอง
โดยเฉพาะที่หลอดเลือดใหญ่ในทรวงอกหรือช่องท้อง เมื่อผนังหลอดเลือดบางลงจากแรงดันสูง หากเกิดการแตกจะเป็นภาวะฉุกเฉินที่อาจเสียชีวิตทันที
5. โรคทางตาและการมองเห็น
- หลอดเลือดในจอประสาทตาเสียหาย ทำให้มองเห็นไม่ชัดหรือมีเลือดออกในตา
- เสี่ยงต่อ จอประสาทตาหลุดลอก และอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นถาวร
6. ภาวะสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์
ความดันสูงเรื้อรังลดการไหลเวียนของเลือดในสมอง ทำให้เซลล์สมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม ในระยะยาว
วิธีป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ที่มีภาวะความดันสูง
ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากหลอดเลือดในสมองต้องเผชิญกับแรงดันที่สูงผิดปกติอย่างต่อเนื่อง จึงควรมีการดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายแรงดังกล่าว โดยสามารถปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
1. ควบคุมความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ควรตรวจวัดค่าความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงหรือได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ามีภาวะความดันสูง หากค่าความดันโลหิตอยู่ในระดับ 140/90 mmHg ขึ้นไป ควรเข้ารับการดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง และหมั่นประเมินสุขภาพตามกำหนด
2. ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง และของหมักดอง รวมถึงจำกัดการบริโภคน้ำปลา ซีอิ๊ว และผงปรุงรส พร้อมทั้งเพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด และอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย อะโวคาโด และผักใบเขียว เพื่อช่วยควบคุมความดันให้สมดุล
3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง ลดแรงต้านในหลอดเลือด และปรับสมดุลความดันโลหิตให้เหมาะสม
4. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นความดัน
ควรงดการสูบบุหรี่และจำกัดการบริโภคแอลกอฮอล์ รวมถึงหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เพราะสารเหล่านี้ทำให้หลอดเลือดหดตัว และเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ความดันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
5. จัดการความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ
ความเครียดเรื้อรังส่งผลให้ฮอร์โมนความเครียดกระตุ้นความดันให้สูงขึ้น การฝึกสมาธิ การหายใจลึก ๆ การพักผ่อนที่เพียงพอ และการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย ล้วนเป็นวิธีสำคัญที่ช่วยลดแรงดันในหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. รับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำแพทย์
ในกรณีที่แพทย์สั่งจ่ายยา ควรรับประทานอย่างเคร่งครัด และไม่หยุดยาเองแม้ความดันจะดูเหมือนปกติ เพราะการหยุดยาโดยไม่แจ้งแพทย์อาจทำให้ความดันพุ่งสูงอย่างฉับพลัน และเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองได้
สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง เมื่อความดันสูงเริ่มกระทบหลอดเลือดสมอง
ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หากปล่อยไว้โดยไม่ควบคุม อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเริ่มแสดงสัญญาณเตือนบางอย่างที่บ่งชี้ว่า หลอดเลือดในสมองเริ่มได้รับผลกระทบ ซึ่งควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ดังนี้
- ความดันสูง ตาพร่ามัว เห็นภาพไม่ชัดเฉียบพลัน หรือเห็นภาพซ้อน เกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงจอตาหรือสมองผิดปกติ
- อาการปากเบี้ยว พูดไม่ชัด กล้ามเนื้อใบหน้าผิดปกติ มุมปากตก ยิ้มไม่เท่ากัน หรือพูดลำบาก เป็นสัญญาณของความผิดปกติในสมองซีกใดซีกหนึ่ง
- รู้สึกอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีกของร่างกาย เช่น แขนหรือขาข้างหนึ่งไม่มีแรง กำมือไม่ได้ หรือรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตชั่วขณะ
- มึนงงหรือสับสนฉับพลัน พูดไม่รู้เรื่อง จำคนหรือสถานที่ไม่ได้ เกิดจากสมองได้รับเลือดไม่เพียงพอในบางส่วน
- ปวดศีรษะรุนแรงเฉียบพลัน โดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นอาการที่พบได้บ่อยในกรณีที่หลอดเลือดสมองแตก
หากพบอาการเหล่านี้ แม้เพียงหนึ่งข้อ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคหลอดเลือดสมองที่สามารถป้องกันหรือรักษาได้หากวินิจฉัยและดูแลได้ทันเวลา
WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกายภาพบำบัด สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ ติดต่อศูนย์ WALK WELL
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความดันสูง
ทำไมผู้มีความดันสูงถึงควรควบคุมค่าความดันโลหิตอย่างเคร่งครัด
เพราะความดันโลหิตสูงส่งผลให้หลอดเลือดในร่างกาย โดยเฉพาะในสมอง หัวใจ และไต เสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากปล่อยไว้โดยไม่ควบคุม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือไตวายเรื้อรัง
เพราะความดันโลหิตสูงส่งผลให้หลอดเลือดในร่างกาย โดยเฉพาะในสมอง หัวใจ และไต เสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากปล่อยไว้โดยไม่ควบคุม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือไตวายเรื้อรัง
การรับประทานยาลดความดันจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้มากน้อยแค่ไหน
หากรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 30–40% โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความดันสูงระดับ 2 หรือมีโรคร่วม เช่น เบาหวานหรือโรคไต
หากรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 30–40% โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความดันสูงระดับ 2 หรือมีโรคร่วม เช่น เบาหวานหรือโรคไต
ควรตรวจวัดความดันโลหิตบ่อยแค่ไหน หากกังวลเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง?
ควรตรวจวัดความดันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง หากยังไม่เคยได้รับการวินิจฉัย และควรวัดทุกวันหากได้รับการวินิจฉัยแล้ว โดยเฉพาะช่วงเช้า และควรใช้เครื่องวัดที่ได้มาตรฐาน พร้อมจดบันทึกค่าเพื่อนำไปปรึกษาแพทย์
ควรตรวจวัดความดันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง หากยังไม่เคยได้รับการวินิจฉัย และควรวัดทุกวันหากได้รับการวินิจฉัยแล้ว โดยเฉพาะช่วงเช้า และควรใช้เครื่องวัดที่ได้มาตรฐาน พร้อมจดบันทึกค่าเพื่อนำไปปรึกษาแพทย์
ถ้าความดันสูงแล้วไม่รักษา จะเกิดอะไรขึ้นกับหลอดเลือดสมองในระยะยาว?
หลอดเลือดในสมองจะหนา แข็ง และตีบแคบลง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เสี่ยงต่อภาวะสมองขาดเลือดหรือหลอดเลือดแตก หากเกิดขึ้นเฉียบพลันอาจทำให้พิการถาวร หรือเสียชีวิตได้ทันที
หลอดเลือดในสมองจะหนา แข็ง และตีบแคบลง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เสี่ยงต่อภาวะสมองขาดเลือดหรือหลอดเลือดแตก หากเกิดขึ้นเฉียบพลันอาจทำให้พิการถาวร หรือเสียชีวิตได้ทันที
ความดันสูง ควรทําอย่างไร
ควรเริ่มจากปรับพฤติกรรม เช่น ลดอาหารเค็ม ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงความเครียด หากยังควบคุมไม่ได้ แพทย์จะพิจารณาใช้ยาลดความดันร่วมด้วย และควรติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ
ควรเริ่มจากปรับพฤติกรรม เช่น ลดอาหารเค็ม ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงความเครียด หากยังควบคุมไม่ได้ แพทย์จะพิจารณาใช้ยาลดความดันร่วมด้วย และควรติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ
เส้นเลือดในสมองแตก ความดันเท่าไหร่
โดยทั่วไป ความดันที่สูงเกิน 180/120 mmHg ถือเป็นระดับอันตรายที่อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ อย่างไรก็ตาม ในบางรายที่มีหลอดเลือดเสื่อมสภาพอยู่ก่อนแล้ว อาจเกิดการแตกได้ที่ระดับต่ำกว่านี้ จึงควรควบคุมความดันให้อยู่ในช่วงปลอดภัยตลอดเวลา9
โดยทั่วไป ความดันที่สูงเกิน 180/120 mmHg ถือเป็นระดับอันตรายที่อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ อย่างไรก็ตาม ในบางรายที่มีหลอดเลือดเสื่อมสภาพอยู่ก่อนแล้ว อาจเกิดการแตกได้ที่ระดับต่ำกว่านี้ จึงควรควบคุมความดันให้อยู่ในช่วงปลอดภัยตลอดเวลา9