Stroke หรือภาวะหลอดเลือดสมองตีบ/แตก เป็นภาวะฉุกเฉินทางระบบประสาทที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว ความรู้สึก และการทำงานของร่างกายอย่างมาก หนึ่งในกระบวนการฟื้นฟูที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามคือ “กายภาพบำบัด”
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกความสำคัญของ “กายภาพผู้ป่วย Stroke” กุญแจสำคัญในการฟื้นฟูและเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด พร้อมทั้งแนะนำวิธีการกายภาพบำบัดเบื้องต้น ปัจจัยเสริมในการดูแลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟู และตอบข้อสงสัยที่พบบ่อย
กายภาพบําบัดคืออะไร สำคัญอย่างไรต่อการฟื้นฟูผู้ป่วย Stroke
กายภาพบำบัด คือการประเมิน วินิจฉัยและบำบัดความบกพร่องของร่างกาย ซึ่งเกิดเนื่องจากภาวะของโรคหรือการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน การแก้ไขและการฟื้นฟูความเสื่อมสภาพ โดยใช้เครื่องมือหรือการนวด หรือการยืดที่รักษาร่วมด้วยเครื่องมือ เป็นต้น
สำหรับการกายภาพผู้ป่วย Stroke คือการทำกายภาพบำบัดหรือการฝึกฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการคงที่แล้ว เพื่อฝึกกระตุ้นการทำงานของสมอง ฝึกทักษะการเรียนรู้และการเคลื่อนไหวใหม่ ฝึกฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพื่อปรับปรุงการทำงานของกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น เป็นการฝึกเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเส้นเลือดสมอง
กายภาพบำบัดช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ทั้งในด้านอาการเจ็บป่วยและอาการอ่อนแรง โดยมีหลักการและวิธีการ ดังนี้
- การลดอาการปวด กายภาพบำบัดมุ่งเน้นการบรรเทาอาการปวดและแก้ไขสาเหตุของอาการปวด
- การฝึกกล้ามเนื้อ ในผู้ป่วยที่มีอาการปวด จะเน้นการฝึกกล้ามเนื้อและการปรับท่าทาง (posture) เพื่อป้องกันการกลับมาของอาการปวดซ้ำ มีการฝึกเทคนิคการเคลื่อนไหว เช่น การยกของ เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง
- การฟื้นฟูอาการอ่อนแรง ในผู้ป่วยเส้นเลือดสมอง จะเน้นการกระตุ้นการฟื้นฟูของร่างกาย เซลล์สมอง เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ
คลินิกกายภาพบําบัด มีกี่ประเภทในปัจจุบัน
- คลินิกกายภาพบำบัดระบบกระดูกกล้ามเนื้อ
- คลินิกกายภาพบำบัดระบบประสาท
- คลินิกกายภาพบำบัดฝึกเดินด้วยหุ่นยนต์
- คลินิกเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกคนพิการ
- คลินิกธาราบำบัด
- คลินิกกายภาพบำบัดเด็ก
การตรวจร่างกายทางกายภาพบําบัดในผู้ป่วยเส้นเลือดสมอง Stroke
การเตรียมตัวของผู้ป่วย
- ควรสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เช่น เสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้น เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจร่างกายและเคลื่อนไหวข้อต่อต่าง ๆ
- หากผู้ป่วยใส่กางเกงขายาว ควรเตรียมยางรัดไว้ด้วย เพื่อใช้ในการตรวจบริเวณเข่าขณะฝึกเดิน
ขั้นตอนการตรวจร่างกาย
- การประเมินสภาพทั่วไป
- ตรวจการตื่นตัวของผู้ป่วย
- ตรวจการรับรู้ข้อมูล
- ตรวจการสื่อสาร
- การประเมินระบบกล้ามเนื้อ
- ตรวจความตึงตัวของกล้ามเนื้อ (Tone)
- ตรวจแรงของกล้ามเนื้อ
- ตรวจการควบคุมกล้ามเนื้อ
- การประเมินการทำงานอื่น ๆ
- ตรวจการกลืน
- ตรวจความสะอาดของช่องปาก
- การประเมินการเคลื่อนไหว
- ตรวจการพลิกตัว
- ตรวจการลุกนั่ง
- ตรวจการลุกยืน
- ตรวจการทรงตัวขณะนั่งและยืน
- พาเดินเพื่อตรวจลักษณะการเดิน
- การประเมินสภาพทั่วไป
- ตรวจการตื่นตัวของผู้ป่วย
- ตรวจการรับรู้ข้อมูล
- ตรวจการสื่อสาร
- การประเมินระบบกล้ามเนื้อ
- ตรวจความตึงตัวของกล้ามเนื้อ (Tone)
- ตรวจแรงของกล้ามเนื้อ
- ตรวจการควบคุมกล้ามเนื้อ
- การประเมินการทำงานอื่น ๆ
- ตรวจการกลืน
- ตรวจความสะอาดของช่องปาก
- การประเมินการเคลื่อนไหว
- ตรวจการพลิกตัว
- ตรวจการลุกนั่ง
- ตรวจการลุกยืน
- ตรวจการทรงตัวขณะนั่งและยืน
- พาเดินเพื่อตรวจลักษณะการเดิน
วิธีกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วย Stroke แนวทางและท่าบริหารเบื้องต้น
1. การใช้มือบำบัด (Manual Therapy)
- การนวด (Massage) ช่วยลดอาการปวดและเพิ่มการไหลเวียนเลือด
- การดัดและยืดกล้ามเนื้อ (Stretching) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
- การจัดกระดูกและข้อต่อ (Joint Mobilization/Manipulation)
2. การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีทางกายภาพบำบัด
- อัลตราซาวด์บำบัด (Therapeutic Ultrasound) กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดการอักเสบ
- เลเซอร์บำบัด (Laser Therapy) ลดอาการปวดและอักเสบ
3. การออกกำลังกายบำบัด (Exercise Therapy)
- การฝึกกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง
- การออกกำลังกายเพื่อปรับสมดุลและการทรงตัว
- การออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว
4. การใช้ความร้อนและความเย็น (Thermotherapy & Cryotherapy)
- การประคบร้อน (Hot Pack/Paraffin Wax) ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
- การประคบเย็น (Cold Pack/Ice Therapy) ลดการอักเสบและบวม
5. การฝึกการเคลื่อนไหวและการใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน (Gait Training & Assistive Devices)
- ฝึกเดินและปรับรูปแบบการเดิน
- การใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน เช่น ไม้เท้า วอล์คเกอร์
วิธีกายภาพบําบัดเส้นเลือดในสมองตีบและวิธีกายภาพบําบัด เส้นเลือดในสมองแตกนั้นมีหลักการพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน แต่การปรับใช้ท่าบริหารและความหนักของการฝึกจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการของผู้ป่วย โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะหลัก ๆ ดังนี้
- ผู้ป่วยยังไม่สามารถนั่งหรือทรงตัวได้ (อาการไม่คงที่) วิธีกายภาพบําบัด กล้ามเนื้ออ่อนแรงจะเน้นการฝึกบนเตียง
- ผู้ป่วยอาการคงที่และเริ่มฝึกยืน การกายภาพบำบัดจะเน้นการฝึกยืน การทรงตัว และการเดิน โดยอาจใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยในการฝึกเพิ่มเติม
ตัวอย่างท่าบริหารเบื้องต้น (ควรทำภายใต้คำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
ท่าบริหารแขนและมือ
- กำและแบมือ
- งอและเหยียดข้อมือ
- หมุนข้อมือเข้าและออก
- ยกแขนขึ้นและลง
- เหยียดและงอข้อศอก
- ยกแขนไปด้านข้างและกลับ
ท่าบริหารขาและเท้า สำหรับการฝึกเดิน ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก
- กระดกข้อเท้าขึ้นและลง
- หมุนข้อเท้าเข้าและออก
- งอและเหยียดเข่า
- ยกขาขึ้นและลง
- เหยียดขาตรงและงอเข่า
ท่าบริหารลำตัว
- ตะแคงตัวไปด้านซ้ายและขวา
- หมุนลำตัวช้าๆ
- ฝึกการทรงตัวขณะนั่งและยืน
ท่าบริหารเส้นเลือดตีบและท่าบริหารให้เลือดไปเลี้ยงสมอง โดยทั่วไปมักเน้นการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล ต่อเนื่อง และเพิ่มการไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกาย เช่น การแกว่งแขนขาเบาๆ การหายใจเข้าออกลึก ๆ
สำหรับผู้ที่มีการทํากายภาพบําบัด ผู้ป่วยแขนขาอ่อนแรงจะเน้นการเคลื่อนไหวที่ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและค่อยๆ เพิ่มความแข็งแรง
ข้อควรระวังในการกายภาพบําบัด
- ข้อจำกัดในการใช้เครื่องมือ ผู้ป่วยบางโรคหรือบางภาวะสุขภาพ อาจมีข้อจำกัดในการใช้เครื่องมือบางชนิดในการกายภาพบำบัด
- การปรึกษาแพทย์ หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการกายภาพบำบัด หรือปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อขอคำแนะนำ
- การแจ้งข้อมูล แจ้งโรคประจำตัวและประวัติสุขภาพแก่นักกายภาพบำบัดทุกครั้งก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อให้นักกายภาพบำบัดสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงจุดที่เป็นปัญหา
อุปกรณ์ที่ใช้ ในกายภาพบําบัด
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์สำหรับการกายภาพบำบัดในผู้ป่วยโรคเส้นเลือดสมอง (Stroke) มุ่งเน้นการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและการทำงานของร่างกาย โดยใช้อุปกรณ์และเทคนิคต่าง ๆ ดังนี้
อุปกรณ์พื้นฐาน
- Parallel Bars (ราวคู่) ใช้สำหรับฝึกเดินและทรงตัว
- Mirrors (กระจก) ใช้เพื่อช่วยในการฝึกการรับรู้และการควบคุมการเคลื่อนไหว
- Tilt Table (เตียงปรับระดับ) ใช้สำหรับปรับระดับความเอียงของร่างกาย ช่วยให้ผู้ป่วยที่นอนติดเตียงสามารถฝึกการทรงตัวในท่านั่งและยืนได้
- Dumbbells (ดัมเบล) ใช้สำหรับฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
เทคโนโลยีขั้นสูง
- Robotic Gait Training (หุ่นยนต์ฝึกเดิน) ใช้หุ่นยนต์ช่วยในการฝึกเดิน ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฝึกเดินได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ
- Virtual Reality (VR) and Augmented Reality (AR) integration (การผสาน VR/AR) ใช้ VR หรือ AR ร่วมกับการฝึกเดิน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงและเพิ่มความสนุกสนานในการฝึก เครื่องฝึกเดินที่ต่อกับวีอาร์หรือเออาร์ จะช่วยให้การฝึกไม่น่าเบื่อและเพิ่มความสนุกสนานในการฝึกได้มากยิ่งขึ้น
- Robotic Gait Training (หุ่นยนต์ฝึกเดิน) ใช้หุ่นยนต์ช่วยในการฝึกเดิน ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฝึกเดินได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ
- Virtual Reality (VR) and Augmented Reality (AR) integration (การผสาน VR/AR) ใช้ VR หรือ AR ร่วมกับการฝึกเดิน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงและเพิ่มความสนุกสนานในการฝึก เครื่องฝึกเดินที่ต่อกับวีอาร์หรือเออาร์ จะช่วยให้การฝึกไม่น่าเบื่อและเพิ่มความสนุกสนานในการฝึกได้มากยิ่งขึ้น
การฟื้นฟูผู้ป่วย เส้นเลือด ในสมองแตก ในระยะยาวต้องอาศัยการดูแลแบบบูรณาการจากทีมสหวิชาชีพ ซึ่งประกอบด้วยแพทย์ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักภาษาบำบัด นักจิตวิทยา และพยาบาล ที่จะร่วมกันวางแผนการรักษาอย่างครอบคลุม ควบคู่ไปกับการดูแลด้านโภชนาการที่เน้นอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล การสนับสนุนทางด้านจิตใจจากครอบครัวและคนใกล้ชิดเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ การออกกำลังกายเบา ๆ ที่เหมาะสมเพื่อเป็นการออกกําลังกาย ขยายหลอดเลือด และความอดทนและความต่อเนื่องในการบำบัดรักษาระยะยาว
WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกายภาพบำบัด สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อศูนย์ WALK WELL
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ กายภาพผู้ป่วย Stroke
ป่วย Stroke ทุกคนจำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดหรือไม่?
โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วย Stroke ทุกรายจะได้รับประโยชน์จากการทำกายภาพบำบัด เนื่องจากช่วยฟื้นฟูการทำงานของร่างกายและป้องกันภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตาม แผนการรักษาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วย Stroke ทุกรายจะได้รับประโยชน์จากการทำกายภาพบำบัด เนื่องจากช่วยฟื้นฟูการทำงานของร่างกายและป้องกันภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตาม แผนการรักษาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ควรเริ่มกายภาพเมื่อไรหลังเกิด Stroke?
ผู้ป่วยเส้นเลือดสมอง (Stroke) สามารถเริ่มได้เมื่ออาการของผู้ป่วยคงที่แล้ว โดยทั่วไปคือประมาณ 3 วันหลังเกิดอาการ ซึ่งการกายภาพบำบัดในช่วงแรกจะเป็นการฝึกแบบเบา ๆ ได้
ผู้ป่วยเส้นเลือดสมอง (Stroke) สามารถเริ่มได้เมื่ออาการของผู้ป่วยคงที่แล้ว โดยทั่วไปคือประมาณ 3 วันหลังเกิดอาการ ซึ่งการกายภาพบำบัดในช่วงแรกจะเป็นการฝึกแบบเบา ๆ ได้
ระยะเวลาการฟื้นตัวของผู้ป่วย Stroke ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?
ระยะเวลาการฟื้นตัวแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของ Stroke ตำแหน่งของสมองที่ได้รับผลกระทบ สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ความสม่ำเสมอในการทำกายภาพบำบัด และการสนับสนุนจากคนรอบข้าง
โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะเริ่มเห็นผลการรักษาหลังจากการทำกายภาพบำบัดอย่างน้อย 4 ครั้ง บางรายอาจหายจากอาการในทันที ในขณะที่บางรายอาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ระยะเวลาการฟื้นตัวแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของ Stroke ตำแหน่งของสมองที่ได้รับผลกระทบ สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ความสม่ำเสมอในการทำกายภาพบำบัด และการสนับสนุนจากคนรอบข้าง
โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะเริ่มเห็นผลการรักษาหลังจากการทำกายภาพบำบัดอย่างน้อย 4 ครั้ง บางรายอาจหายจากอาการในทันที ในขณะที่บางรายอาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ผู้ป่วยสามารถทำกายภาพด้วยตนเองที่บ้านได้หรือไม่?
สามารถทำได้ แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของนักกายภาพบำบัด เพื่อให้มั่นใจว่าท่าบริหารถูกต้องและปลอดภัย
สามารถทำได้ แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลของนักกายภาพบำบัด เพื่อให้มั่นใจว่าท่าบริหารถูกต้องและปลอดภัย
ถ้าทำกายภาพแล้วมีอาการปวดหรืออ่อนแรงเพิ่ม ควรทำอย่างไร?
ควรหยุดทำทันทีและแจ้งให้นักกายภาพบำบัดหรือแพทย์ทราบ เพื่อประเมินอาการและปรับแผนการรักษา
ควรหยุดทำทันทีและแจ้งให้นักกายภาพบำบัดหรือแพทย์ทราบ เพื่อประเมินอาการและปรับแผนการรักษา