ADD ANYTHING HERE OR JUST REMOVE IT…

แนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง ผ่านวิธีการและแนวทางปฏิบัติล่าสุด

Table of Contents

การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งวันนี้เราจะมาอัปเดตผ่านวิธีการและแนวทางปฏิบัติล่าสุด โดยจะอธิบายตั้งแต่อาการสโตรก เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ อาการเป็นยังไง พร้อมบอกว่าโรคหลอดเลือดสมอง วิธีรักษาทำอย่างไร

วิธีเช็คอาการตัวเองเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน การรู้จักวิธีตรวจสอบอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง จะช่วยให้คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที และเพิ่มโอกาสในการรักษาที่ประสบความสำเร็จ

วิธีตรวจสอบอาการด้วยวิธี BE-FAST

โรคหลอดเลือดสมอง อาการเบื้องต้นของโรคหลอดเลือดสมองใช้หลักการ “BE FAST” ดังนี้

  • B (Balance) การทรงตัวผิดปกติ เวียนศีรษะ
  • E (Eyes) ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็น
  • F (Face) ใบหน้าเบี้ยว มุมปากตก
  • A (Arms) แขนขาอ่อนแรง ยกแขนไม่ขึ้น
  • S (Speech) พูดไม่ชัด พูดลำบาก หรือไม่เข้าใจคำพูด
  • T (Time) เวลาเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที

นอกจากนี้แล้ว อาการสโตรกทั้งเส้นเลือดในสมองแตก อาการเริ่มแรกและเส้นเลือดในสมองตีบ อาการเริ่มแรกมีอาการที่คล้ายกันจนไม่สามารถแยกออกได้จากกันด้วยอาการเพียงอย่างเดียว ต้องใช้การตรวจภาพรังสีเพื่อแยกสองภาวะนี้ แต่สิ่งที่สำคัญของอาการเหล่านี้คือ อาการมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และส่วนใหญ่ส่งผลต่อร่างกายครึ่งซีก เช่น อ่อนแรงครึ่งซีก หน้าเบี้ยว พูดไม่ชัด ไม่เข้าใจภาษา มองไม่เห็น เวียนศีรษะ หรือในบางราย อาจมีอาการปวดศีรษะขึ้นมามากทันทีแล้วซึมลงไม่ตอบสนอง หรือใช้หลัก BE FAST

แล้วถ้าเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ อาการ และวิธีรับมือได้อย่างไรบ้าง

ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว (Transient Ischemic Attack หรือ TIA) เป็นภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วขณะ ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง หรือเรียกได้ว่าสมองขาดเลือดชั่วคราวคือโรคหลอดเลือดสมอง  แต่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่และหายได้เอง ซึ่งภาวะนี้มีความสัมพันธ์กับโรคหลอดเลือดสมอง ดังนี้

สมองขาดเลือดชั่วคราวเป็นสัญญาณเตือน ภาวะนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในอนาคต ผู้ที่มีประวัติสมองขาดเลือดชั่วคราว มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองตามมา

สาเหตุของสมองขาดเลือดชั่วคราวและโรคหลอดเลือดสมองมักเกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน

ความแตกต่างคือ ในภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว ลิ่มเลือดหรือการอุดตันจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และเลือดสามารถกลับมาไหลเวียนได้ปกติ

อาการของสมองขาดเลือดชั่วคราวและโรคหลอดเลือดสมองคล้ายกัน ได้แก่ อาการอ่อนแรง ชา พูดลำบาก มองเห็นผิดปกติ หรือการทรงตัวผิดปกติ

ผู้ที่มีอาการของสมองขาดเลือดชั่วคราวควรไปพบแพทย์ทันที แม้ว่าอาการจะหายไปแล้วก็ตาม เนื่องจากภาวะนี้เป็นสัญญาณเตือนของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงได้

เส้นเลือดในสมองตีบ รักษาหายไหม?

การรักษา Stroke สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น 

  • สมองบริเวณที่เสียหายมากน้อยเพียงใด หรือเสียหายในจุดสำคัญหรือไม่
  • ผู้ป่วยมารับการรักษาเร็วใน โดยเฉพาะใน 4.5 ชม. ผู้ป่วยได้ยาละลายลิ่มเลือดหรือไม่ หรือสามารถทำการดึงลากลิ่มเลือดออกมาได้หรือไม่
  • หลังจากที่รักษาแล้วสามารถควบคุมโรคประจำตัวของตัวเองได้ดีแค่ไหน
  • อายุของคนไข้ 
  • ได้ทำการกายภาพหลังจากที่รักษาแล้วหรือไม่

สรุปได้ว่าเส้นเลือดในสมองตีบสามารถรักษาหายได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยร่วมดังที่กล่าวข้างต้นด้วย ยกตัวอย่างหาก บริเวณสมองที่เสียหายไม่ใช่ตำแหน่งที่สำคัญ  มาถึงโรงพยาบาลเร็วตามเวลาที่กำหนด ได้ยาละลายลิ่มเลือด คนไข้ก็มีโอกาสหายเป็นปกติ ในขณะที่ก็มีคนไข้บางส่วน เช่น สมองเสียหายเยอะบริเวณก้านสมอง มีโรคร่วมเช่น เบาหวาน ความดัน และกว่าจะถึงมือแพทย์ก็เลยไปเป็นเวลา 2-3 วัน โอกาสที่จะรักษาหายก็น้อยเช่นกัน

เส้นเลือดในสมองแตก วิธีรักษามีอะไรบ้าง?

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือญาติของผู้ป่วย ต้องพาคนไข้มาถึงมือหมอเร็วที่สุด และพร้อมให้ประวัติอย่างครบถ้วนกรณีคนไข้ที่อ่อนแรง สลบ ไม่สามารถสื่อสารได้ ญาติต้องจัดท่าทางให้คนไข้นอนพลิกหน้าหันตะแคงเพื่อไม่ให้สำลักน้ําลายหรือไม่ให้ลิ้นลงไปอุดทางเดินหายใจ และกดเบอร์ 1669 เพื่อเรียกรถพยาบาลเพื่อให้ส่งถึงมือแพทย์ ทั้งนี้ญาติที่ให้ข้อมูลกับแพทย์ควรเป็นญาติที่เห็นเหตุการณ์และรู้ประวัติกับโรคประจำตัวของคนไข้พอสมควร

ระวัง! ผลข้างเคียงจากยารักษาโรคหลอดเลือดสมอง

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมักได้รับยาหลายชนิดเพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยยาหลักๆ ที่ใช้มีดังนี้

1. ยาละลายลิ่มเลือด ใช้เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำ โดยจะช่วยลดการแข็งตัวของเลือดและป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ผู้ป่วยต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และไม่ควรหยุดยาหรือปรับขนาดยาเอง

2. ยาลดความดันโลหิต ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมักมีความดันโลหิตสูงร่วมด้วยการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาควบคุมความดันโลหิต และแนะนำให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ลดการบริโภคโซเดียม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

3. ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเป็นสิ่งสำคัญแพทย์อาจสั่งจ่ายยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และแนะนำให้ผู้ป่วยควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

4. ยาลดไขมันในเลือด ไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเป็นสิ่งสำคัญแพทย์อาจสั่งจ่ายยาลดไขมันในเลือด และแนะนำให้ผู้ป่วยควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

         ข้อควรระวัง

  • การใช้ยาแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับโรคร่วมของผู้ป่วยแต่ละราย
  • ผู้ป่วยควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และไม่ควรหยุดยาหรือปรับขนาดยาเอง
  • หากมีข้อสงสัยหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยา ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินยาเยอะแล้วจะส่งผลกระทบต่อตับไต เพราะแพทย์ที่ทำการรักษานั้นจะคอยตรวจสอบดูแลอย่างใกล้ชิด

การดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคหลอดเลอดสมอง ได้แก่

  • การติดเชื้อ เช่น ปอดอักเสบ ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • แผลกดทับ เกิดจากการนอนนิ่งนาน
  • ข้อแข็ง เกิดจากการขาดการเคลื่อนไหว
  • ภาวะซึมเศร้า เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของชีวิต

การดูแลผู้ป่วย

  • ป้องกันการติดเชื้อ ดูแลความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนท่าผู้ป่วยบ่อย ๆ
  • ป้องกันแผลกดทับ เปลี่ยนท่าผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมง ใช้ที่นอนที่นุ่ม
  • ส่งเสริมการเคลื่อนไหว ทำกายภาพบำบัด
  • ดูแลเรื่องโภชนาการ ให้ผู้ป่วยได้รับอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอ
  • ดูแลสุขภาพจิต ให้กำลังใจผู้ป่วย

การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่ให้อาหารทางสายยาง

  • ตรวจสอบสายยาง ตรวจสอบสายยางให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่มีการอุดตัน
  • ดูแลความสะอาด ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ สายยาง
  • บันทึกปริมาณอาหาร บันทึกปริมาณอาหารที่ผู้ป่วยได้รับทุกครั้ง
  • สังเกตอาการ สังเกตอาการท้องอืด ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน

กายภาพบำบัดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

กายภาพบำบัดผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมีความสำคัญอย่างมากในการช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ปรับปรุงการทรงตัว และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างอิสระ

WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกายภาพบำบัด สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ ติดต่อศูนย์  WALK WELL

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง

การดึงลิ่มเลือดด้วยสายสวน (Thrombectomy) คืออะไร

เป็นหัตถการที่แพทย์ใช้สายสวนเข้าไปดึงลิ่มเลือดขนาดใหญ่ออกจากสมอง วิธีนี้ใช้ได้ภายใน 6–24 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ เหมาะกับผู้ป่วยที่มาล่าช้าเกินกว่าที่จะใช้ยาละลายลิ่มเลือด

ทำไม “เวลา” ถึงสำคัญกับการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง

เพราะสมองจะสูญเสียเซลล์นับล้านทุกนาทีที่เลือดไปไม่ถึง หากรักษาช้า ความเสียหายจะถาวร ยิ่งเข้าถึงระบบ Stroke Fast Track เร็ว โอกาสรอดและฟื้นตัวก็สูงขึ้น

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดหรือไม่

จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง Golden Period (3 เดือนแรก) เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองสามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ดีที่สุด หากละเลยการฟื้นฟู อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความพิการถาวร

การรักษา Stroke ในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตอย่างไร

ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วย เช่น การใช้ CT Angiogram เพื่อหาตำแหน่งลิ่มเลือดอย่างแม่นยำ การทำ MRI ด่วน เพื่อแยกตีบหรือแตก และการใช้หุ่นยนต์ช่วยกายภาพ ทำให้การรักษาได้ผลและฟื้นตัวเร็วขึ้น

บทความนี้ถูกตรวจทานโดย
หมอขวัญ นพ.ขวัญ ศรีศิลป
ว.51094
MD., Physical Medicine & Rehabilitation (PM&R / Physiatrist)