ADD ANYTHING HERE OR JUST REMOVE IT…

อัมพาต อาการเป็นอย่างไร รู้ทันก่อนอัมพาตมาเยือน

Table of Contents

“ชีวิตเปลี่ยนไปในพริบตา เมื่ออัมพาตมาเยือน” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงและผลกระทบที่โรคหลอดเลือดสมองหรืออัมพาตสามารถก่อให้เกิดกับผู้ป่วยและครอบครัวได้อย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด คุณเคยสงสัยไหมว่าอัมพาตคืออะไร เกิดจากอะไร และแตกต่างจากอัมพฤกษ์อย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปไขข้อข้องใจทุกคำถามเกี่ยวกับโรคอัมพาต ตั้งแต่อัมพาต เกิดจากอะไร อธิบายอาการอัมพาต การป้องกันและวิธีรักษาอัมพาต เพื่อให้คุณมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองและคนที่คุณรักได้อย่างเหมาะสม

อัมพาตคืออะไร เกิดจากอะไร และแตกต่างจากอัมพฤกษ์อย่างไร

อัมพาต คือภาวะที่ร่างกายสูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบางส่วนหรือทั้งหมด อาจเกิดขึ้นกับแขน ขา ใบหน้า หรือแม้แต่ร่างกายทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถขยับหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ

อัมพาต เกิดจากสาเหตุหลายประการ แต่โดยส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น

  • โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุหลักของอัมพาต เกิดจากการที่หลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและตาย 
  • การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง อุบัติเหตุ การบาดเจ็บจากการกีฬา หรือการผ่าตัด อาจทำให้ไขสันหลังได้รับความเสียหาย ส่งผลต่อการส่งสัญญาณระหว่างสมองและกล้ามเนื้อ
  • โรคประสาท โรคต่าง ๆ เช่น โรคเส้นโลหิตตีบ โรคปลอกประสาทอักเสบ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ก็อาจทำให้เกิดอัมพาตได้
  • สาเหตุอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ มะเร็ง ความผิดปกติทางพันธุกรรม ภาวะขาดวิตามิน

หลายคนมักเกิดความสับสนระหว่างคำว่า “อัมพฤกษ์” และ “อัมพาต” ซึ่งมีความแตกต่างกันที่สำคัญดังนี้

  • อัมพฤกษ์ เป็นภาวะที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ผู้ป่วยยังคงสามารถเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายได้บ้าง มักมีอาการชาร่วมด้วย และอาจมีอาการอื่น ๆ เช่น พูดลำบาก หรือเห็นภาพซ้อน
  • อัมพาต เป็นภาวะที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างมาก จนไม่สามารถเคลื่อนไหวส่วนที่เป็นได้เลย ผู้ป่วยจะไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของบริเวณนั้นได้

กลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง คุณเข้าข่ายหรือไม่?

กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ได้แก่

  • ผู้สูงอายุ เนื่องจากหลอดเลือดเสื่อมสภาพตามอายุ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง
  • ผู้สูบบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดตีบแคบ
  • ผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นและความดันโลหิตสูงขึ้น
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักตัวเกินทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวานได้
  • ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง พันธุกรรมมีส่วนสำคัญในการเกิดโรคนี้
  • ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง

รวมอาการอัมพาตที่บ่งบอกถึงโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต)

อาการโรคหลอดเลือดสมองหรือที่เรียกกันติดปากว่า อัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งอัมพาตครึ่งซีก อาการเริ่มต้นเกิดจากการที่หลอดเลือดสมองแตกหรือตีบ ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและตาย ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ  ตามมา

อาการโรคหลอดเลือดสมองที่พบบ่อย ใช้หลักการ “BE FAST” ดังนี้

  • B (Balance) การทรงตัวผิดปกติ เวียนศีรษะ
  • E (Eyes) ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็น
  • F (Face) ใบหน้าเบี้ยว มุมปากตก
  • A (Arms) แขนขาอ่อนแรง ยกแขนไม่ขึ้น อัมพาตครึ่งซีก
  • S (Speech) พูดไม่ชัด พูดลำบาก หรือไม่เข้าใจคำพูด
  • T (Time) เวลาเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที

อาการอัมพาตครึ่งซีก เป็นอย่างไร

อัมพาตครึ่งซีก เป็นอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยจะเกิดอาการอ่อนแรงหรือชาที่ด้านหนึ่งของร่างกาย เช่น

  • แขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง ไม่สามารถยกแขนขาได้ หรืออ่อนแรงมาก
  • ใบหน้าเบี้ยว มุมปากตก ยิ้มไม่สมส่วน
  • ชาครึ่งตัว รู้สึกชาที่ใบหน้า แขน หรือขา ด้านใดด้านหนึ่ง

สำคัญมากเวลาคือสมอง การรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการเหล่านี้ จะช่วยลดความเสียหายของสมองและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว

สัญญาณเตือนอัมพฤกษ์ อัมพาต และปัจจัยเสี่ยงที่ควรรู้

ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและอัมพาตแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่

1. ปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขได้

  • ความดันโลหิตสูง ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • โรคเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ไขมันในเลือดสูง ควบคุมระดับไขมันในเลือด
  • การสูบบุหรี่ เลิกสูบบุหรี่
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดปริมาณการดื่ม หรือเลิกดื่ม

2. ปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขไม่ได้

  • อายุ อายุที่เพิ่มขึ้นจะเพิ่มความเสี่ยง
  • เพศ ผู้ชายมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิง
  • ประวัติครอบครัว หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดสมอง จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น

ทำไมผู้สูงอายุจึงเสี่ยงต่อการเกิดอัมพาตมากกว่า?

  • หลอดเลือดเสื่อม ตามอายุที่มากขึ้น หลอดเลือดจะเสื่อมสภาพ เกิดการแข็งตัวและตีบแคบ ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ไม่สะดวก
  • โรคประจำตัว ผู้สูงอายุมักมีโรคประจำตัวหลายชนิด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
  • การใช้ยา การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออกในสมอง

อัตราการเกิดอัมพาตในผู้สูงอายุ

  • อัตราการเกิดสูงขึ้นตามอายุ ยิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

การป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เพื่อชีวิตที่ดีกว่า

โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ หากเรารู้จักดูแลสุขภาพและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มาทำความเข้าใจถึงวิธีการป้องกันโรคร้ายนี้กันครับ

ทำไมต้องป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต?

โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและสังคมด้วย การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วิธีการป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต

  1. ควบคุมปัจจัยเสี่ยง
  • ความดันโลหิตสูง ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • โรคเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ไขมันในเลือดสูง ควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • การสูบบุหรี่ เลิกสูบบุหรี่
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดปริมาณการดื่มหรือเลิกดื่ม
  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน
  2. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดปริมาณการดื่มหรือเลิกดื่ม
  3. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย
  4. ลดความเครียด หาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ชอบ เพื่อลดความเครียด

การรักษาโรคอัมพาตและการฟื้นฟู 

การรักษาอัมพาต โรคเส้นเลือดสมองตีบสามารถรักษาได้ และโอกาสในการฟื้นตัวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะเวลาในการเข้ารับการรักษา ความรุนแรงของอาการ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

หากอัมพาตเกิดจากเส้นเลือดสมองตีบรักษาได้อย่างไร?

การเปิดหลอดเลือด เพื่อให้เลือดกลับไปเลี้ยงส่วนของสมองที่ยังไม่เสียหายนั้นสำคัญที่สุด ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการ

  • ให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ (rt-PA) ในรายที่มีอาการน้อยกว่า 4.5 ชั่วโมง และ ไม่มีข้อห้ามในการให้ยา
  • ใช้สายสวนดึงลากลิ่มเลือด (Thrombectomy) ในรายที่มีลิ่มเลือดชิ้นใหญ่ในหลอดเลือด สมอง มีอาการ ไม่เกิน 24 ชั่วโมง และไม่มีข้อห้าม
  • การฟื้นฟูสมรรถภาพ การทำกายภาพบำบัด การบำบัดด้วยการพูด การบำบัดด้วยการทำงาน เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหว การพูด และการใช้ชีวิตประจำวัน

ดังนั้นการที่พาผู้ป่วยไปให้ถึงโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุดจึงสำคัญ ไม่ควรรอสังเกตอาการ

โรคหลอดเลือดสมองสามารถตรวจได้อย่างไร?

การตรวจโรคหลอดเลือดสมอง แพทย์จะพิจารณาจากประวัติอาการทางคลินิก การตรวจร่างกาย และการตรวจเพิ่มเติม ต้องใช้ภาพทางรังสีคือ CT-Scan หรือ MRI

  • MRI ให้ความแม่นยำได้มากกว่า แต่ข้อเสียคือใช้เวลานานกว่า CT-Scan เวลาประมาณ 20-30 นาที
  • CT-Scan รวดเร็วกว่า ใช้เวลาประมาณ 5 นาที สามารถแยกภาวะหลอดเลือดสมองว่าแตกหรือตีบได้ดี

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ แต่ไปถึงโรงพยาบาลเร็วมาก CT-Scan อาจปกติได้ บ่งบอกว่าสองยังไม่เสียหาย มาก เลยไม่พบความผิดปกติใน CT-Scan

แชร์วิธีรักษาอัมพาตในปัจจุบัน

การรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติมากที่สุด โดยการรักษาจะเน้นไปที่การรักษาสาเหตุของโรคและการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย เช่น

  • การทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นและเพิ่มความคล่องตัว
  • การบำบัดด้วยการพูด เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพูดได้ชัดเจนขึ้น
  • การบำบัดด้วยการทำงาน เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง
  • การให้ยา เพื่อควบคุมโรคประจำตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อน
  • การดูแลที่บ้าน ครอบครัวต้องให้ความรู้และดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

WALK WELL – เดินได้เดินดี ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ดูแลผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโดยอายุรแพทย์ระบบประสาท และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มีโปรแกรมกายภาพบำบัด สามารถปรับตามได้ในแต่ละบุคคล และมีการประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อศูนย์  WALK WELL

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับอัมพาต

อาการอัมพาตเริ่มต้นเป็นอย่างไร

มักเริ่มจากแขนหรือขาอ่อนแรง เดินไม่ถนัด จับของไม่อยู่ หรือรู้สึกชาครึ่งซีก ร่วมกับอาการทางสมอง เช่น พูดไม่ชัด มุมปากตก หรือการมองเห็นผิดปกติ หากไม่ได้รักษาทันเวลาอาจกลายเป็นอัมพาตถาวร

โรคหลอดเลือดสมองเกี่ยวข้องกับอัมพาตหรือไม่

Stroke เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของอัมพาต โดยเฉพาะอัมพาตครึ่งซีก (ครึ่งซ้ายหรือครึ่งขวาของร่างกาย) เพราะสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวถูกตัดการไหลเวียนของเลือด ผู้ป่วยจึงสูญเสียการเคลื่อนไหวเฉียบพลัน หากรักษาไม่ทันช่วง Golden Period อาจกลายเป็นอัมพาตถาวร

นอกจาก Stroke แล้ว อะไรทำให้เกิดอัมพาตได้บ้าง

อัมพาตยังเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บไขสันหลังจากอุบัติเหตุรถยนต์ การผ่าตัดใหญ่ เนื้องอกในสมองหรือไขสันหลัง โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS) โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular Dystrophy) หรือการติดเชื้อ เช่น โปลิโอ สาเหตุเหล่านี้ทำให้เซลล์ประสาทหรือเส้นทางสื่อสารระหว่างสมองและกล้ามเนื้อเสียหาย

การฟื้นฟูอัมพาตต้องใช้เวลานานแค่ไหน

ระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาตนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และโดยทั่วไปแล้วกระบวนการนี้ต้องใช้เวลา หลายเดือนหรือหลายปี และอาจไม่สามารถฟื้นตัวได้สมบูรณ์เหมือนเดิม

ผู้ป่วยอัมพาตมักมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง

ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ เช่น แผลกดทับจากการนอนนาน ปอดอักเสบจากการสำลักอาหาร กล้ามเนื้อฝ่อลีบ ข้อติดแข็ง และภาวะซึมเศร้า ครอบครัวต้องช่วยดูแลทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่กัน

บทความนี้ถูกตรวจทานโดย
หมอขวัญ นพ.ขวัญ ศรีศิลป
ว.51094
MD., Physical Medicine & Rehabilitation (PM&R / Physiatrist)